- 1. คุณปราภากร ศิริบาล
- 2. คุณเอกพงษ์ อร่ามเมฆา
- 3. คุณวรางคณา สังข์พิชัย
- 4. คุณรัฐธิดา ศิริจรรยารักษ์
- 5. คุณจิรจันทร์ ประวิตร ณ อยุธยา
- * หมายเหตุ :
- 1. ผู้โชคดีจะได้รับการติดต่อโดยตรงจากเจ้าหน้าที่ ตามเบอร์โทรศัพท์ที่ได้ลงทะเบียนไว้
- 2. หากผู้โชคดีไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆกับทางบริษัทฯได้ จะถือว่าสละสิทธิ์
- 3. คำตัดสินของเจ้าหน้าที่ถือเป็นที่สิ้นสุด
ประกาศรายชื่อผู้โชคดี
Meet & Greet with Matchbox Twenty
Review
มันส์! จนหยดสุดท้าย
ร็อคคอนเสิร์ตกระแทกใจคนดู!
เสียงกีต้าร์สุดบาดใจเริ่มขึ้นพร้อมแสงไฟที่สาดส่องมายังกลางเวที ไม่นานมาดเท่ห์ๆของ ไคล์ คุก (Kyle Cook) ก็ปรากฎขึ้นในชุดขาวพร้อมกีต้าร์คู่ใจ จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังกึกก้อง เมื่อร็อบ โธมัส (Rob Thomas) เริ่มต้นท่วงทำนองของเขา When the slow parade went past , When it felt so good you knew it couldn't last” Parade เพลงเปิดที่พวกเขา ร็อบ โธมัส, ไคล์ คุก, ไบรอัน เยลล์ และ พอล ดูเซ็ตต์ Matchbox Twenty เลือกมาระเบิดความมันส์ในค่ำคืนนี้ ด้วยความสนุกสนานและความมันส์ในทุกโน้ตที่พวกเขาบรรเลง เพียงแค่นาทีแรกแฟนเพลงทุกคนก็นั่งไม่ติดที่ ลุกยืนโยกตัวกันสุดเหวี่ยง ไปพร้อมกับบรรยากาศการแสดงสดของ 4 นักดนตรีมืออาชีพสุดมันส์ ที่ตราตรึงทุกความทรงจำในค่ำคืนนี้ี้ี้
เริ่มต้นความสนุกด้วยเพลงสุดฮิตอย่าง BENT เสียงจากกีต้าร์สีแดงของไคล์ คุกนั้นเสียดแทงใจคนดูอย่างสุดๆ งานนี้เขาดึงเสน่ห์ออกมาเต็มที่ รูปร่างสูงโปร่งกับการโซโล่กีต้าร์ของเขาในหลายๆ เพลงสะกดผู้ชมไว้อยู่หมัด พอล ดูเซ็ตต์ ไม่น้อยหน้า ส่งซาวน์กีต้าร์บาดใจให้ผู้ชมได้มันส์อย่างต่อเนื่องกับ Disease เพลงนี้บอกได้คำเดียวว่าดนตรีแน่นเปรี๊ยะ! แล้วตามมาด้วยเพลงดังของพวกเขาอย่าง She’s so mean ให้คนได้โยกตามด้วยจังหวะสนุกๆ ก่อนหนุ่มร็อบจะกล่าวทักทายแฟนๆ “Hello Beautiful people in Bangkok!” เขากล่าวว่าวันนี้เป็นหนึ่งวันที่พิเศษมากๆ ที่ได้เจอกับแฟนๆทุกคน ขอให้ร่วมสนุกกันให้เต็มที่ เก็บความทรงจำดีๆแล้วมันส์ไปด้วยกันกับพวกเขาในคืนนี้ให้สุดๆไปเลย ก่อนจะต่อกันด้วยเพลงที่แทบทำให้พื้นสะเทือนด้วยความมันส์อย่างเพลง How far we’ve come
ประวัติ
นักร้องนำ ร็อบ โธมัส (Rob Thomas) กล่าวว่า “เราจัดการอัลบั้มนี้ด้วยวิธีที่แตกต่างจากที่เคย จากเดิมที่ผมเขียนเพลงมาจำนวนหนึ่งแล้วเอามาให้คนในวงเรียบเรียงเป็นเพลงด้วยกัน แต่สิ่งที่ทำกันตอนนี้คือการร่วมมือกันอย่างมาก หลายๆ เพลงถูกเขียนขึ้นมาด้วยกัน โดยเฉพาะ ผม และ พอล ดูเซ็ตต์ (Paul Doucette) และ ไคล์ คุก (Kyle Cook) พวกเราใช้เวลาอยู่พักนึงเพื่อหาวิธีการทำงานด้วยกันทั้งสามคน และทำอย่างไรที่จะเข้ามาในห้องแล้วไม่ฆ่าแกงกันเอง เพราะเราต่างคุ้นชินกับการเขียนเพลงตามลำพัง”
พอล ดูเซ็ตต์ ตอบว่า “การค่อยๆ ใช้เวลาด้วยกันคือคำตอบอย่างชัดเจน เราเลยใช้เวลานั้นให้เป็นประโยชน์ที่สุด ใช้เวลากับมันให้มาก และไม่นึกถึงหรือรู้สึกกดดันอะไรทั้งสิ้น แต่จะมุ่งมั่นกับการเขียนเพลงให้ได้เยอะๆ และ ค่อยมาดูว่าเราอยากจะทำอัลบั้มให้ออกมาเป็นแบบไหน”
นอร์ธ เป็นอัลบั้มที่ แมตช์บอกซ์ ทเวนตี้ ร็อบ โธมัส, พอล ดูเซ็ตต์, ไคล์ คุก และ ไบรอัน เยล (Brian Yale) ขัดเกลาและแก้ไขปรับปรุง จากเพลงกระโดดโลดเต้น "พุท ยัวร์ แฮนส์ อัพ” (Put Your Hands Up) ไปจนถึงเพลงจังหวะสนุกๆ ของ "อาวร์ ซอง” (Our Song) หรือแม้กระทั่งผลงานหล่อเข้มอย่าง “โอวเวอร์จอยด์” (Overjoyed) และ "พาเรด” (Parade) เพลง "อิงลิช ทาวน์” (English Town) และ "ไอ วิลล์” (I Will) คือเพลงบัลลาดที่สุดของอัลบั้ม โธมัส บอกว่า เขาคิดว่าเพลง "ไลค์ ชูการ์” (Like Sugar) มีซาวด์คล้ายๆ กับเอา ดร. เดร (Dr. Dre) มาผสมผสานกับวง ซึ่งสดใหม่มาก นอกนั้นก็มี "ชิส โซ มีน” (She's So Mean) ที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานและแน่นด้วยการประสานเสียง และเป็นซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้ม นอร์ธ ซึ่งกำลังไต่อันดับบนชาร์ตเพลง
พอล ดูเซ็ตต์ อธิบายว่า “เราเป็นวงที่ใส่ใจกับทักษะฝีมือ เราเห็นคุณค่าของทักษะในการเขียนเพลง และ ฝีมือในการทำอัลบั้ม โดยเราพยายามใช้แนวทางนี้มากขึ้นกับอัลบั้มนี้ ดังนั้นแนวดนตรีของเราจึงเปรียบเหมือนการสร้างผลงานโดยกลุ่มนักแต่งเพลง หรือ กลุ่มนักดนตรีที่คุ้นเคยกับการทำงานในบริบทเพลงป๊อบ มากกว่าเป็นวงที่เล่นเพลงที่เขียนขึ้นโดยมีพื้นฐานจากการริฟกีต้าร์ เราอยากลองทำให้มันสำเร็จ และ ค่อยดูว่าผลงานของเราในช่วงอายุ 30 ต้นๆ และ 40 ต้นๆ ว่าดีแค่ไหนเมื่อเทียบกับตอนที่เราอายุ 23”
มันค่อนข้างดีทีเดียวที่ได้มองย้อนกลับไป แมตช์บอกซ์ ทเวนตี้ ก่อตั้งที่รัฐฟลอริด้า เข้าสู่วงการด้วยการสร้างสถิติในปี 1996 ด้วยเพลง “ยัวร์เซฟ ออร์ ซัมวัน ไลค์ ยู” (YOURSELF OR SOMEONE LIKE YOU) ผลงานแจ้งเกิด 5 ซิงเกิ้ลฮิต -- พุช (Push)",ทรี เอเอ็ม (3 am), รีล เวิร์ล (Real World), ลอง เดย์ (Long Day) และ แบ็ค ทู กู๊ด (Back 2 Good) และได้รางวัล RIAA Diamond Award จากการมียอดขายทะลุ เกินกว่า 12 ล้านแผ่นจนปัจจุบัน นอกจากนั้น โธมัส ยังสร้างชื่อเสียงให้กับวงเพิ่มขึ้นด้วยการร่วมแต่ง และร้องเพลง สมูธ (Smooth) เจ้าของผู้ชนะรางวัลแกรมมี่อวอร์ดปี 1999 (Grammy Award-winning 1999) ของ ซานตาน่า จากนั้น แมตช์บอกซ์ ทเวนตี้ ยังคงสานต่อโมเมนตัมกับ แมด ซีซั่น (MAD SEASON) ในปี 2000 และ มอร์ เดน ยู ทิงค์ ยู อาร์ (MORE THAN YOU THINK YOU ARE) ในปี 2002 ซึ่งล้วนได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว นอกจากนี้ ยังได้ปล่อยเพลงฮิตออกมาอีกอย่าง เบนท์ (Bent), อันเวลล์ (Unwell), อิฟ ยัวร์ กอน (If You're Gone), ไบรท์ ไลท์ (Bright Lights) และ ดีซีส (Disease)
แต่หลังจากอัลบั้มทั้งสามที่ได้มาจากการทำงานอย่างหนัก และผ่านการตระเวนทัวร์อย่างโชกโชน แมตช์บอกซ์ ทเวนตี้ ได้ถึงเวลาที่ต้องพัก โธมัส ปล่อยสองอัลบั้มเดี่ยวที่ได้ขึ้นเป็น 5 อันดับสูงสุด และมีเพลงติดชาร์ตอันดับ 1 หลายซิงเกิ้ล พอล ดูเซ็ตต์ ทำวงของตัวเองชื่อ เดอะ เบรค แอนด์ รีแพร เมธ็อด (The Break and Repair Method) และเขียนเพลงประกอบภาพยนต์ ส่วน ไคล์ คุก ไปทำวง นิว เลฟท์ (New Left) การพักวงของพวกเขาไม่ได้เพียงแค่ชุบชีวิตวง แมตช์บอกซ์ ทเวนตี้ ขึ้นมา แต่ยังเป็นการเพิ่มประสบการณ์ให้แต่ละคนในการกลับมาอีกครั้งในปี 2007 กับอัลบั้มชุด เอ็กไซล์ ออน เมนสตรีม (EXILE ON MAINSTREAM) ซึ่งเป็นอัลบั้มรวมเพลงฮิต และ มี 6 เพลงใหม่พิเศษที่ทั้งวงแต่งร่วมกัน รวมทั้งเพลงที่ดังที่สุดของเขาจนถึงวันนี้อย่าง ฮาว ฟาร์ วีฟ คัม (How Far We’ve Come)
นอกจากยอดขายกว่า 30 ล้านแผ่นทั่วโลกแล้ว แมตช์บอกซ์ ทเวนตี้ ยังได้รางวัลอีกมากมาย รวมทั้งการเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ 5 ครั้ง, อเมริกันมิวสิคอวอร์ด (American Music Award) 4 รางวัล, วงดนตรีขวัญใจของประชาชน ในปี 2004 (2004 People’s Choice Award for “Favorite Musical Group) และได้รับการยกย่องให้เป็น วงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Best New Band) ในปี 1997 จากโพลล์ของนิตยสาร โรลลิ่ง สโตนส์ (Rolling Stone) เหนือกว่านั้น ร็อบ โธมัส ได้พิสูจน์ตัวเองด้วยการเป็นศิลปินที่ได้รับรางวัล แกรมมี่อวอร์ดส (Grammy Awards) 3 รางวัล BMI Awards 11 รางวัล และ รางวัลเกียรติยศ บิลบอร์ด (Billboard) ด้วยการเป็น นักแต่งเพลงยอดเยี่ยมประจำปี (Songwriter of the Year) สำหรับอัลบั้มเดี่ยวทั้งสองของเขา รวมกระทั่งผลงานที่ร่วมกับศิลปินระดับตำนานอย่าง ซานตาน่า (Santana), มิค แจ็กเกอร์ (Mick Jagger), วิลลี เนลสัน (Willie Nelson) และ บิ๊กบอย (Big Boi) การร่วมงานกับ ซานตาน่า ในเพลง สมูธ (Smooth) ได้ถูกขนานนามเป็นลำดับที่ 2 ในเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบนลิสท์ 100 เพลงของบิลบอร์ด (Most Popular Song Ever on Billboard’s List of the 100 Most Popular) และ ตัวเขาเองยังติดอันดับที่ 5 ของ 20 อันดับแรก ของนักแต่งเพลง 100 คนของบิลบอร์ด ช่วงปี 2000-2011 (Billboard’s Top 20 List of Hot 100 Songwriters 2000-2011)
“แมตช์บอกซ์ ทเวนตี้ เหมือนยานพาหนะในการแต่งเพลงของ ร็อบ ในตอนต้น” พอล ดูเซ็ตต์ อธิบาย “ตลอดปีที่ผ่านมา ผมกับ ไคล์ ค่อยๆ เริ่มเขียนเพลงมากขึ้นเรื่อยๆ พอเรากลับมารวมตัวกัน เราเลยอยากจะแสดงออกมาให้เขาได้ดูกันภายในวง”
ร็อบ โธมัส ยอมรับว่าการทำงานด้วยวิธีการใช้ความร่วมมือด้วยกันนั้น “ประหลาด” สำหรับเขาในตอนแรกๆ อย่างไรก็ตาม คุณภาพที่ออกมาจากการได้เขียนเพลงร่วมกัน คือ มันง่ายต่อการรวบรวมให้เป็นผลงานชิ้นใหม่ออกมา “คุณต้องทิ้งอีโก้ไว้ที่หน้าประตู” เขากล่าว “ตอนที่อยู่ในห้องด้วยกัน ทุกคนจะโยนไอเดียใส่กัน คุณต้องกล้าที่จะทำอะไรห่วยๆ พูดอะไรโง่ๆ และกล้าที่จะพามันไปในทางที่ผิด และทุกๆ คนก็ต้องตามมันไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะเป็นรูปร่างอะไรบางอย่าง มันจะประสาทเสียหน่อยๆ แต่ตื่นเต้นพอสมควร”
หลังจากความสำเร็จระดับท็อป 5 ของ เอ็กซ์ไซล์ ออน เมนสตรีม (Exile On Mainstream) แมตช์บอกซ์ ทเวนตี้ ได้สานต่อการทำงานแบบร่วมมือกันในอัลบั้ม นอร์ธ โดย โธมัส ดูเซ็ตต์ และ ไคล์ คุก ได้เดินทางไปมาหาสู่เพื่อแชร์ไอเดียด้วยกัน จากนั้นทั้งวงก็มุ่งสู่ แนชวิลล์ (Nashville) เพื่อรวมตัวกันใน เคบิน/สตูดิโอ – คล้ายๆ กับการเข้าค่ายเพื่อความอยู่รอดของนักแต่งเพลง มันเป็นสถานที่ที่ ร็อบ โธมัส บอกกับเราว่า “คุณสามารถตื่นขึ้นมาในบ้านที่มีสายไฟระโยงระยาง เดินออกไปห้องนอนและเจอเปียโนในห้องนั่งเล่น ติดตั้งไมค์พร้อมอัดเสียงทันที” บทเพลงพรั่งพรูมาเรื่อยๆ ในเวลาไม่นาน แมตช์บอกซ์ ทเวนตี้ มีเพลงที่แต่งขึ้นมากกว่า 40 เพลง ในสภาพความสมบูรณ์ที่ต่างกัน ร็อบ โธมัส หัวเราะและยอมรับว่า “มันยิ่งทำให้เราตกลงไปในหลุมโดยที่ไม่รู้ว่าเรากำลังทำอะไร เราคงจะสามารถทำอัลบั้มเพลงที่แตกต่างกันได้ถึง 3-4 อัลบั้มเลยทีเดียว”
แม็ต เซอร์เลติก (Matt Serletic) เพื่อนสนิทของวงและโปรดิวเซอร์ที่ทำงานกับ แมตช์บอกซ์ ทเวนตี้ ตั้งแต่สามอัลบั้มแรก ทางวงได้เชิญตัวเขามายัง แนชวิลล์ เพื่อมาคัดสรรเพลงที่มีและให้คำแนะนำ ซึ่งต่อจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็คิดเห็นตรงกันว่า แม็ต เซอร์เลติก ควรจะมานั่งเก้าอี้โปรดิวเซอร์อีกครั้ง ทางวงจึงออกจากค่ายเพื่อไป เอมเบลมสตูดิโอ (Emblem Studios) ของเขาใน คาลาแบสซาซ รัฐคาร์ลิฟอร์เนีย (Calabasas, California)
ร็อบ โธมัส บอกว่า “โดยแรกเริ่มแล้ว จะไม่ใช่ แม็ต ที่จะโปรดิวซ์อัลบั้มนี้ เขาเพียงแค่แวะมาในฐานะเพื่อนเพื่อลองดูว่าเพลงไหนควรค่าที่สุด แต่ในท้ายที่สุดของคืนนั้น น่าจะประมานตี 3 ที่กำลังนั่งอ่านโน๊ตของเขา พวกเราก็พูดประมาณว่า “คุณต้องโปรดิวซ์ให้เราแล้วละ’” พอล ดูเซ็ตต์ บอกว่า “ณ ตอนนี้ แม็ต เปรียบเสมือนคนในครอบครัวของเรา เหมือนส่วนหนึ่งในองค์ประกอบของพวกเรา พวกเรามีความเข้าขา กับแม็ต ในแบบที่เราไม่มีกับโปรดิวเซอร์คนอื่นๆ และ แม็ต ก็ไม่อยากให้เราไปในที่ที่เราเคยไปมาแล้วด้วยเช่นกัน ทุกอย่างเริ่มทะยานขึ้นหลังจากเราตัดสินใจแบบนั้น”
ต้องขอบคุณการเตรียมการใน แนชวิลล์ ซึ่งทำให้การทำงานที่ เอมเบลมสตูดิโอ ผ่านไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว ด้วยความรู้สึกแนวแน่ว่าเพลงจะออกมาเป็นยังไง เพลงโรแมนติกอย่าง โอวเวอร์จอยด์ เป็นเพลงที่ ร็อบ โธมัส และ พอล ดูเซ็ตต์ บอกว่า“เป็นครั้งแรกที่มีความรู้สึกว่าเรามีอะไรที่พิเศษ” ไคล์ คุก เป็นคนร้องเพลงบัลลาด เดอะเวย์ ซึ่งเขาและดูเซ็ตต์ เป็นคนเขียนร่วมกัน เพลง ชีส โซ มีน เปรียบเหมือนแบบฝึกหัดของการเล่าเรื่อง ระหว่างที่ โธมัส ดูเซ็ตต์ และ คุก กำลังนั่งล้อมไมโครโฟนและร้องแบบฟรีสไตล์ ซึ่งต่อมากลายเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวประเภทที่รับมือยาก ที่ดูเซ็ตต์ให้คำสัญญาว่าไม่มีความคล้ายคลึงกับใครในชีวิตจริงของคนในวง
“ไม่ แม้เพียงสักนิดเดียว” เขาพูด “ต้นฉบับของเนื้อเพลงไม่ได้พูดถึงเรื่องนั่น แต่พอเราผ่านมาเจอคำว่า ชีส โซ มีน หลังจากนั้นเราก็ โอเค เรารู้แล้วว่าเพลงนี้ต้องเกี่ยวกับอะไร เราแค่พยายามที่จะเขียนอะไรสนุกๆจริงๆ” ซึ่งทั้งวงก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากเพลงเพลงนี้
เมื่อฟังอัลบั้ม นอร์ธ ลึกมากขึ้น จะพบเจอกับความแตกต่างในการเข้าถึงและความรู้สึกในไดนามิคของการเขียนเพลงร่วมกันในวง “ครั้งแรกที่ผมเปิดอัลบั้มนี้ให้ภรรยาผมฟัง เขาแยกแยะระหว่างเพลงไหน คือเพลงที่พอลเขียน หรือ เพลงไหนที่ผมเขียน หรือ เพลงไหนคนอื่นเขียน ไม่ค่อยได้ เพราะเราต่างก้าวเข้าไปในชีวิตของแต่ละคน” โธมัส กล่าวกับเรา “มันสำคัญมากเพราะเราไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกว่าเพลงแต่ละเพลงถูกเขียนโดยคนแตกต่างกัน ผมอยากให้มันออกมาเป็นวง”
นอร์ธ จะทำให้ แมตช์บอกซ์ ทเวนตี้ กลับมาแสดงสดอีกครั้ง นับตั้งแต่การแสดงครั้งแรกจาก เอ็กซ์ไซล์ ออน เมนสตรีม ที่ทุกคนได้เห็นวงดนตรีวงนี้เล่นโชว์เอสอาร์โอ (SRO) สู่สายตาแฟนเพลงที่มากมายทั่วโลก แมตช์บอกซ์ ทเวนตี้ จะกลับมาทำการแสดงคอนเสิร์ตอีกครั้งในฤดูใบไม้ร่วงนี้ โดยจะเริ่มจากการทัวร์คอนเสิร์ตที่ออสเตรเลีย, อเมริกาเหนือในช่วงต้นปี 2013 และประเทศอื่นๆ ถึงแม้ว่า แมตช์บอกซ์ ทเวนตี้ จะหายไปในช่วงหนึ่ง แต่ทางวงมีความตั้งใจอย่างมากที่จะทำให้การแสดงคอนเสิร์ตในครั้งนี้คุ้มค่ากับการรอคอยของทุกคน
“แมตช์บอกซ์ ทเวนตี้ ได้มีส่วนร่วมในทุกอณูของการวางแผนการแสดงสดทุกขั้นตอน” พอล ดูเซ็ตต์ กล่าว “เมื่อไรก็ตามที่พวกเราได้เข้าไปมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งของงาน เราก็พร้อมที่จะทุ่มเทเวลาและพลังงานของเรา” ผมสามารถพูดแทนทุกคนได้เลย มันเป็นสิ่งที่เราได้รักษาสิ่งที่เรารักมากที่สุดไว้ เพราะมันคือสิ่งที่เราใช้เวลาในการสร้างมานานที่สุด ดังนั้นเราจึงต้องการที่จะมอบให้กับแฟนเพลงเมื่อถึงเวลาของมัน เราไม่ได้ทำการบันทึกเสียงบ่อยครั้งนัก เมื่อไรที่เราต้องการจะทำเราจึงพร้อมที่จะทุ่มเทเวลาและพลังงาน ที่ไม่ใช่เพียงแค่ทุ่มเทที่จะทำ แต่ยังรวมไปถึงการนำผลงานเพลงไปสู่แฟนเพลงด้วย”