บอล ต่อพงศ์ จันทบุบผา - เมื่อย ธวัชพนธ์ วงศ์บุญศิริ กับการเดินทางอันยาวนานที่มาพร้อมกับชื่อเสียงของทั้งคู่ในวันนี้ หอมหวลในหมู่นักฟังเพลงอินดี้อย่างกว้างขวาง ในนามของวง scrubb

การโคจรมาเจอกันเมื่อกว่า 18 ปีก่อน ทำให้เกิดองศาที่แตกต่างต่อวงการเพลงอินดี้ในช่วงขาลงออกมาอย่างเด่นชัด เพราะดนตรีของ scrubb มีคาแร็คเตอร์และแนวทางที่ชัดเจน จนทำให้ทั้งสองหนุ่มใช้พื้นที่เล็กๆของพวกเขา เบียดตัวเองขึ้นมาเป็นผู้นำคนฟังได้อย่างเต็มภาคภูมิในวันนี้ หลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้นักว่า ก่อนหน้าที่จะมาเป็น scrubb เส้นทางที่ทั้งคู่เดินมา แม้จะไม่ถึงกับขรุขระจนลำบากลำบนแต่ก็ไม่ได้ราบเรียบเดินสบายนัก

ก้าวแรกของสองหนุ่ม ออกสตาร์ทตัวตั้งแต่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร ในนามของวง Eye ในเวลาต่อมาที่โชคดีเป็นของ บอล เมื่อเขามีโอกาสได้เข้าไปฝึกงานยังฝ่ายพัฒนาศิลปินของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ การเรียนรู้ระบบงานทางด้านดนตรีในระยะเวลาอันควร เปิดโอกาสให้เขาได้ส่งผลงานเพลงของตัวเอง ที่แต่งร่วมกับ เมื่อย ไปเสนอยังค่ายเพลงในบริษัท ที่กำลังจะทำอัลบั้มแนะนำศิลปินรุ่นใหม่ (ปี 2000) จนในที่สุดงานเพลงของทั้งคู่ก็ได้ถูกเลือกนำไปรวมไว้ในอัลบั้ม ตั้งแต่นั้นมา ทั้งคู่เลยมารวมตัวอย่างเป็นทางการในนามของ scrubb

“ชื่อของวงเรามันมาจากปุ่มในเครื่องอัดที่เรียกว่า Scrub Play ครับ มันเป็นคำไทยทับศัพท์ที่เรารู้สึกใกล้ตัวเรา ซึ่งเราชอบคำแบบนี้ที่มันทับศัพท์ด้วย แล้วมันก็มีความคุ้นเคยกับความเป็นไทย แต่ที่เรามี B สองตัวก็เพราะ ตอนที่ไปจดลิขสิทธิ์ ชื่อมันซ้ำ เราก็เลยใส่ B ไปสองตัว เออ..ไม่ซ้ำ ก็เลยใช้ B เบิ้ลสองตัวเลยครับ” (หัวเราะ)

การออกตัวจากก้าวแรก ทั้งคู่กรุยทางมาด้วยตัวของตัวเอง พร้อมด้วย โกมล บุญเพียรผล โปรดิวเซอร์คู่ใจ จนในที่สุดพวกเขาก็ได้รับการชักชวนจากสังกัดแบล็คชีฟ ภายใต้ชายค่ายโซนี่ มิวสิค ให้มาร่วมงาน และออกอัลบั้มชุดแรกอย่างเป็นทางการที่ใช้ระยะเวลาบ่มงานนานถึง 3 ปี ในอัลบั้ม "SSSSS..!" (2003) และเป็นความโชคดีที่ตัวเพลงในอัลบั้มชุดนี้ ขับเคลื่อนไปได้ด้วยตัวของตัวเอง เลยทำให้เส้นทางของ บอล และ เมื่อย ต่อยอดการเดินทางของการทำอัลบั้มมาเรื่อยๆ คือ “Club” (2005), EP “Mood” (2007) กระทั่งพวกเขามีอัลบั้ม “ชุดเล็ก (Lite)” (2008) งานรีเมคเพลงฮิตของตัวเองที่เอาเพลงเก่า มาทำให้เวอร์ชั่น electro acoustic ที่ชุดนี้กลายมาเป็นผลงานสร้างชื่อที่กลับมาตอกย้ำบทเพลงจากอัลบั้มก่อนหน้านี้ ของพวกเขาให้กลับมาฮิตจนคนร้องตามกันได้อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็น “ทุกอย่าง”, “เข้ากันดี”, “ใกล้”, “เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ” ฯลฯ อัลบั้ม “KID” (2010) ที่ได้นักวาดภาพประกอบชื่อดัง ทวีศักด์ ศรีทองดี (โลเล) มาช่วยถ่ายทอดเสียงเพลงของสครับบ ให้ออกมาเป็นภาพในจินตนาการของเขาในปกอัลบั้มทั้งหมด ต่อเนื่องมาถึง “Clean” (2013) บอลและเมื่อยตั้งชื่อชุดง่ายๆ ว่า Clean เป็นคำที่ทั้ง‘สะอาด’ แต่ ‘ผ่อนคลาย’ และยังดู ‘สบายๆ’ อีกด้วย คำๆ นี้เป็นตัวแทนของบทเพลงทั้งหมดในอัลบั้มและจากวันนั้นถึงวันนี้ scrubb จึงกลายเป็นวงที่มีซาวด์เป็นลายเซ็นของตัวเองในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน