การรอคอยสิ้นสุดลงตามมาด้วยเสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นเมื่อภาพ Miracle VTR ที่ฉายเรื่องราวต่างของเขา “โยชิกิ ฮายาชิ หรือ โยชิกิ X Japan” ศิลปินระดับตำนานที่บันดาลสุนทรียะทางดนตรีได้อย่างจับใจ เสียงปรบมือยิ่งดังขึ้นไปอีกเมื่อ โยชิกิ ปรากฎกายขึ้นพร้อมนั่งลงด้านหน้าของแกรนด์เปียโนสีดำหลังใหญ่ ก่อนท่วงทำนองดนตรีแสนหวานจะถูกบรรเลงขึ้น พร้อมบรรยากาศอบอุ่น กับโคมแชนเดอเลียร์สีทองอร่ามก็ส่องแสงประกายระยิบระยับทั่วฮอลล์ คอนเสิร์ตเริ่มต้นขึ้นด้วยบทเพลง ฟอร์เอเวอร์ เลิฟ (Forever love) ที่หลายคนฟังแล้วต้องหวนนึกถึงสมาชิกในวง X Japan ไม่ว่าจะเป็น โยชิกิ โทชิ พาตะ ฮีธ สึกิโซะ และแน่นอนรวมถึงฮิเดะ และไทจิ ผู้ที่ยังคงเป็นตำนานอยู่ในหัวใจของแฟนเพลงทุกคนอยู่เสมอ และเมื่อบทเพลงไพเราะจบลงเสียงปรบมือก็ดังก้องขึ้น งานนี้นอกจากเปียโนตัวเก่งหลังใหญ่ แล้วนักดนตรีสาวแสนสวยอีกหลายท่านต่างนำเครื่องดนตรีคลาสสิคชิ้นเก่งไม่ว่าจะเป็น เชลโลตัวโต วิโอล่า และไวโอลินมาร่วมบรรเลงบทเพลงคลาสสิคอย่างไพเราะ
หลังจากนั้นโยชิกิ หรือป๋าโย ก็กล่าวทักทายแฟนๆอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง ด้วยภาษาไทยอย่างชัดเจนว่า “สวัสดีครับ เป็นอย่างไร ผมรักคุณ” สาวกยังไม่ทันหายฟิน ก็เรียกเสียงกรี๊ดต่ออีกชุดเมื่อป๋ากล่าวขอบคุณแฟนๆ "เป็นอย่างไรบ้างครับ ขอบคุณทุกคนที่มาในงาน โยชิกิ คลาสสิคัล เวิล์ดทัวร์ ที่กรุงเทพฯ มากๆ” โยชิกิเล่าให้ฟังว่าเขาได้ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้มาหลายที่แล้วไม่ว่าจะเป็น ปักกิ่ง, ซานฟรานซิสโก,ลอนดอน ฯลฯ จนกระทั่งมาถึงที่นี่ ที่แห่งนี้ “กรุงเทพมหานคร” ก่อนจะพูดถึงเรื่องเพลงสักเล็กน้อยและพูดเข้าเพลงต่อไปอย่าง โกลเด้น โกล้บ (Golden Globe) ซึ่งเพลงนี้โยชิกิได้รับเกียรติให้แต่งเพลงประกอบให้กับงานประกาศรางวัลสุดยิ่งใหญ่อย่าง “ลูกโลกทองคำ (Golden Globe Awards)” บทเพลง โกลเด้น โกล้บ (Golden Globe) เริ่มบรรเลงขึ้น ฉากกราฟฟิกด้านหลังเป็นรูปประกายวิบวับสีทองสดใสบนพื้นหลังลายกราฟฟิกสีม่วง แฟนๆที่เคยเอ่ยเสียงทักทายในช่วงทอล์กบัดนี้เสียงเงียบสงัดสดับรับฟังบทเพลงแสนนุ่มลึกซึ้งสื่ออารมณ์ได้ชัดเจน เขายิ้มให้แฟนๆอย่างน่ารักและเอามือทาบหัวใจอย่างเต็มอิ่มไปด้วยอารมณ์ ก่อนเพลงแรกจะจบลงอย่างไพเราะ
และเข้าเพลงต่อไปอย่าง โรซ่า (Rosa) ในเพลงนี้หนุ่มโยชิกิได้แนะนำสาวน้อยแสนสวยอย่าง เคธี่ (Katie Fitzgerald)นักร้องในโปรเจ็ค ไวโอเล็ต ยูเค (Violet UK)ที่จะมาเป็นคนร้องนำในเพลงนี้ และที่น่าดีใจยิ่งกว่าคือสาวเคธี่เคยมาอยู่เมืองไทยแล้วระยะหนึ่งด้วยการมาฝึกงานเกี่ยวกับงานอาสาสมัคร งานนี้ป๋าโยลองให้นักร้องสาวพูดภาษาไทย เธอจึงยิ้มหวานสยามสไตล์ก่อนจะเอ่ยทักทายเป็นภาษาไทยอย่างชัดแจ๋วว่า “สวัสดีค่ะ” และขวัญใจชาวไทยอย่างโยชิกิจะตอบว่า “สวัสดีครับ” งานนี้ทำเอาแฟนๆที่อยู่ด้านหลังยิ้มปลื้มปริ่มกันเป็นแถว เขากล่าวถึงเพลงโรซ่า(Rosa) ว่าเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เขาประพันธ์ขึ้นเอง และจากนั้นบทเพลงที่เปี่ยมไปด้วยพลังและอารมณ์ก็เริ่มต้นขึ้น พร้อมกับภาพฉากหลังเป็นกลีบกุหลาบร่วงโรย เสียงเชลโล่ทุ้มต่ำ กับเสียงเปียโนของโยชิกิเรียกบรรยากาศเศร้าสร้อยให้ผู้คนดำดิ่งในอารมณ์เหงาจับใจ ก่อนจะปิดท้ายการแสดงของเพลงนี้ด้วยรอยยิ้มหวานๆของเขา
การแสดงปิดท้ายช่วงแรกเกิดขึ้นด้วยความคิดถึง เมื่อโยชิกิกล่าวถึงเพื่อนสมาชิกวง X JAPAN คนหนึ่งที่เขารักมาก นั่นก็คือ ฮิเดะ หรือ ฮิเดโตะ มัตสึโมโตะ ครั้งนั้นในยามที่ฮิเดะจากโลกนี้ไป ครั้งหนึ่งที่โยชิกิแทบสูญเสียความเป็นตัวเองในตอนนั้น เขาเอ่ยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจเกินกว่าจะขึ้นเวทีต่อไปได้อีกแล้ว แต่หลังจากนั้นหนึ่งปีเขาได้รับเกียรติให้แต่งเพลงฉลองการขึ้นครองราชสมบัติขององค์จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นครบ 10 ปี โยชิกิรู้สึกตื่นเต้นและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำงานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังประหม่าเนื่องจากการห่างหายเวทีมานาน แต่แม่ของเขาก็ได้ให้กำลังใจและความเชื่อมั่นจนเขาตัดสินใจกลับมาขึ้นเวทีอีกครั้งกับหน้าที่อันทรงเกียรติในการประพันธ์เพลงอะนิเวอเซรี่ (Anniversary) และหลังจากนั้นบทเพลงดังกล่าวก็ถูกบรรเลงขึ้น เขาเปรียบประหนึ่งวาทยากรที่นอกจากบรรเลงบทเพลงอันไพเราะที่ทั้งสร้างอารมณ์ที่ยิ่งใหญ่อลังการสมกับพระเกียรติขององค์จักรพรรดิแล้ว เขายังสามารถนำนักดนตรีเชลโล่ วิโอล่า และไวโอลินให้เล่นบทเพลงนี้ได้อย่างอบอวลไปด้วยความไพเราะ และท่วงทำนองหนักแน่นอลังการในคราเดียวกัน ลงน้ำหนักอย่างพลิ้วไหวในทุกตัวโน้ต สะกดสายตาคนดู สดับหูคนฟังถือเป็นการจบการแสดงช่วงแรกได้ดีจริงๆ
การแสดงช่วงที่สองเริ่มต้นขึ้นอย่างอลังการไม่แพ้ช่วงแรกด้วยบทเพลงอะเมทีส (Amethyst) สีแสงไฟสวยงามดั่งหินอะเมทีสกระทบแสงไฟ สาวๆสีไวโอลิน เชลโล่ และวิโอล่าประดุจดั่งเสียงธรรมชาติ และแล้วศิลปินที่ทุกคนเฝ้ารอก็ปรากฎตัวขึ้นกับการอิมโพรไวส์เพลงสวอนเลค (Swan Lake) ในชุดขาวสุดเท่ห์และงดงามในคราเดียวกัน เสียงเปียโนอันพลิ้วไหวนุ่มนวลก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นหนักหน่วง อารมณ์ดำดิ่งพร้อมกับเสียงเพลงที่รัวเร็วขึ้นบีบความรู้สึกจนต้องกลั้นหายใจ ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงที่จับใจมากจริงๆ
หลังจากนั้นเข้าสู่ช่วงพูดคุยกับแฟนๆ โยชิกิพูดคุยอย่างเป็นกันเอง เขาพูดถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับการมาประเทศไทยในครั้งก่อน โยชิกิกล่าวว่าในบางครั้งเรื่องราวต่างๆก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคาดหวังไว้ บางครั้งก็มีอุปสรรค อย่างเช่นในการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่แล้วของเขา ขณะนั้นเขากำลังจะเดินทางมาจัดคอนเสิร์ต X Japan ที่ประเทศไทยในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2554 แต่ครั้งนั้นประเทศไทยประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ ทีมงานถามว่าพวกเขายังจะไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ประเทศไทยอยู่หรือไม่ โยชิกิก็ยังยืนยันที่จะมาประเทศไทย ในขณะเดียวกันทีมงานก็ยังบอกเขาต่อไปว่า เขาอาจจะไปได้ เครื่องดนตรีอาจจะไปได้ สถานที่อาจจะโอเค แต่คนดูอาจจะมาดูน้อยมากนะ แต่เขาก็ยังยืนยันคำเดิม และทำให้ทุกคนอารมณ์ดีด้วยการบอกว่าแฟนๆของพวกเขาแข็งแรง พวกเขามาได้แน่นอน โยชิกิกล่าวต่อไปว่าคอนเสิร์ตครั้งนั้นเขาไม่ได้คาดหวังว่าคนดูจะมาเยอะ ขอแค่อย่างน้อย 50-60% ก็ดีใจแล้ว แต่แฟนชาวไทยสร้างความประทับใจจนโยชิกิแอบกระซิบว่าเขาน้ำตาไหลเลยทีเดียวเพราะแฟนชาวไทยมาดูพวกเขาเต็มทั้งฮอลล์ และคราวนี้ก็เช่นกัน ทีมงานบอกเขาว่าด้วยสถานการณ์แบบนี้อาจจะมาประเทศไทยไม่ได้นะ แต่เขาก็ทำให้แฟนประทับใจเพราะโยชิกิเอ่ยบอกทีมงานของเขาว่า “ผมจะไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม” (I will come here no matter what.) เรียกเสียงกรี้ดกระหน่ำทั่วฮอลล์เลยทีเดียว
หลังจากนั้นเคธี่นักร้องสาวจากไวโอเล็ต ยูเค ก็ปรากฎกายขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เธอมาร่วมร้องเพลงประกอบภาพยนตร์จากการ์ตูนชื่อดังอย่างเรื่อง “เซนท์ เซย่า”(Saint Seya) ในบทเพลงที่ชื่อว่า “ฮีโร่” (Hero) บทเพลงรัวเร็วเริ่มต้นพร้อมภาพฉากประกายดาวด้านหลัง และแปรเปลี่ยนเป็นรูปจากอะนิเมชั่นชื่อดังอย่าง “เซนท์ เซย่า” (Saint Seya) ที่คอการ์ตูนทุกคนรู้จักแน่นอน ความสนุกยังคงต่อเนื่องไปอีกหลายเพลง เช่น ไอวี (I.V) เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องดังอย่าง ซอว์ ภาค4 (Saw IV) และแฟนเพลงต้องเซอร์ไพรส์เมื่อได้ยินทำนองเพลงไทยคุ้นหูอย่าง “เดือนเพ็ญ” ที่ทำให้ชาวไทยด้านล่างต้องปรบมือตามจังหวะพร้อมรอยยิ้มกว้างกับความใส่ใจจากขวัญใจของพวกเขา โยชิกิยังกล่าวชมว่าเพลงนี้เป็นบทเพลงที่ไพเราะจริงๆ
ต่อเนื่องด้วยความเศร้า กับช่วงเวลาเรียกน้ำตาที่เปี่ยมไปด้วยความคิดถึงเมื่อศิลปินอันเป็นที่รักกล่าวถึงเพื่อนสมาชิกในวงของเขา X Japan โยชิกิพูดถึงโทชิว่าเขารู้จักกับโทชิตั้งแต่ 4 ขวบสมัยเรียนโรงเรียนอนุบาลด้วยกัน และต่อจากนั้นประมาณ 10 ขวบ เขากับโทชิจึงตั้งวงดนตรีขึ้นมาด้วยกันและใช้ชื่อว่า ‘X’ ต่อจากนั้นเขาก็พูดถึงสมาชิกในวงคนอื่นๆอีก ความทรงจำตีหวนกลับไป ความเศร้าทำให้เขาหยุดพูดไปพักหนึ่งก่อนน้ำตาเริ่มไหล ก่อนจะกล่าวว่านั่นคือช่วงเวลาที่สำคัญของเขา และต่อจากนั้นเขาก็พูดถึงเพื่อนรักที่จากไปแสนไกลอย่าง ฮิเดะ และ ไทจิ
โยชิกิกล่าวว่า X Japan คือครอบครัว คือชีวิต ในตอนที่เขาตัดสินใจจะทัวร์คอนเสิร์ตคลาสสิคัล มีเพลงหนึ่งที่เขาอยากจะมอบให้แด่เพื่อนของเขาอย่าง ฮิเดะ และไทจิ และอีกหนึ่งคนที่สำคัญ นั่นก็คือ บิดาผู้จากไปเมื่อยามที่เขายังอยู่ในวัยเยาว์ บทเพลงจากใจเขานั่นก็คือเพลง วิธ เอ้าท์ ยู (Without You) แค่ทำนองขึ้นหลายคนที่นั่งอยู่น้ำตาไหลหลายคนสะอื้นไห้ด้วยความคิดถึง ยิ่งเมื่อภาพพื้นหลังเป็นฉากที่โยชิกิกำลังบรรเลงแกรนด์เปียโนสีขาวริมทะเล และความเศร้าที่ถั่งโถมมาพร้อมกลับภาพแห่งความทรงจำที่พวกเขาเคยยืนอยู่บนเวทีเดียวกัน ภาพคอนเสิร์ต X Japan ที่อยู่ในทุกๆความทรงจำ ภาพเบสขั้นเทพอย่างไทจิ รอยยิ้มของฮิเดะมือกีต้าร์ผู้ยิ่งใหญ่มิตรภาพที่ยังคงอยู่อย่างสวยงามก่อนจะเปลี่ยนเป็นภาพของเขาและคุณแม่ และคุณพ่ออันเป็นที่รักในสมัยเขายังตัวเล็ก วันคืนเก่าๆย้อนคืนมาอีกครั้ง ภาพที่เขาเคยจับมือกับแฟนๆบนคอนเสิร์ต ภาพการเล่นกลองอย่างลืมโลกกับสมาชิกในวงของเขา แฟนเพลงหลายคนพูดไม่ออก เสียงดนตรีคลอเคล้าเสียงร้องไห้ที่ทุกคนทุ่มเทเวลานี้ให้กับความทรงจำดีๆในวันวาน วันวานที่ทุกคนคิดถึง และไม่เคยลืม
บทเพลงต่อไปยังคงอารมณ์ดิ่งลึก ยิ่งขึ้นไปอีกกับเพลงคุเระนะอิ (Kurenai) เสียงไวโอลินบาดใจ กับเปียโนเสียงสูงต่ำเดินจังหวะไปทุกอ็อกเทฟผสมผสานกันราวขาวกับดำแต่ลงตัว ก่อนโยชิกิจะกลายเป็นดีเจที่ขึ้นเป็นมิกซ์จังหวะเพลงเป็นซาวน์ที่มีกลิ่นอายของความเป็นอิเล็คโทรนิคเล็กๆ โยชิกิใส่หูฟังทำสมาธิอยู่ครู่หนึ่งปรับเสียงซาวน์ให้ดังให้เบาดูเป็นดนตรีสมัยใหม่จนถูกใจก่อนจะลงมือบรรเลงเปียโนคู่กันไปในเพลง อาร์ท ออฟ ไลฟ์ (Art of Life) ด้านหลังเป็นภาพกราฟฟิกคล้ายเส้นผมสีทองที่พลิ้วสยายล่องลอยราวกับว่ายน้ำ ดนตรีแน่นขึ้นเรื่อยๆกระชากจากอารมณ์เศร้าเมื่อครู่ให้จิตใจกลับมาจดจ่อกับเสียงดนตรี ซาวน์ที่ฟังแล้วเหมือนการถ่ายทอดอารมณ์ดิบของมนุษย์ โยชิกิบรรเลงเพลงนี้ราวกับลืมทุกสิ่งมีเพียงฟีลลิ่งเท่านั้น จากดนตรีเบาๆ กลายเป็นความรุนแรงหนักหน่วงก่อนจะกลับไปบางเบาอีกครั้ง อาร์ท ออฟ ไลฟ์ (Art of Life) จบลงพร้อมเสียงปรบมือเกรียวกราว เขากล่าวว่าเวลาที่เขาเล่นเพลงนี้เขาจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ
โยชิกิเอ่ยบอกแฟนๆว่าต่อไปจะบทเพลงสุดท้ายของค่ำคืนนี้ แต่ทุกคนร่ำร้องมากมายว่าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่เขาก็บอกให้แฟนๆใจชื้นว่า “ทุกคนก็รู้ ผมจะกลับมาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” และเขาก็ได้กล่าวขอบคุณทีมงานทุกคน นักดนตรีทุกท่านในคืนนี้พร้อมกับถามนักดนตรีทุกคนว่า การแสดงที่ไหนคือที่สุดสำหรับพวกเขา แน่นอนว่าทุกคนที่น่ารักตอบออกมาเป็นคำตอบเดียวกันว่า “กรุงเทพมหานคร” ต่อจากนั้นเขาได้ทำสัญลักษณ์ประจำตัวประจำใจให้กับแฟนๆทุกคนด้วยการตะโกนเอ่ยนำ “We are” และทุกคนก็ตะโกนก้องเป็นเสียงเดียวกัน “X” โยชิกิกล่าวปิดท้ายคอนเสิร์ตครั้งนี้ว่าเขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เล่นคอนเสิร์ตให้แฟนๆของเขาฟัง "ขอบคุณมากๆ” และเขากล่าวอีกครั้งว่า เขาจะต้องกลับมาอีกแน่นอนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีอะไรหยุดยั้งพวกเราได้ เพราะคำว่า X หมายถึง ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ (Nothing is Impossible) เพลงสุดท้ายอย่าง เอนด์เลส เรน (Endless rain) สวยงามและน่าประทับใจแม้ว่าจะมีความแตกต่างทางภาษา แต่แฟนๆทุกคนร้องเพลงนี้ออกมาพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง เสียเปียโนแผ่วเบาลงทำให้ได้ยินเสียงชาว X ดังมากขึ้น โยชิกิหันมองแฟนๆทุกคนด้วยความซาบซึ้งใจ ราวกับขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอดไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม
การตอบรับที่แสนอบอุ่นจากทั้งประเทศไทยและทั่วโลก ความรักของชาว X ที่จะยั่งยืนอยู่ตลอดไป เพราะแน่นอน We are ‘X’! แล้วเราจะพบกันอีกครั้ง.
นับเป็นค่ำคืนสุดพิเศษ สำหรับแฟนเพลงของเจ้าพ่อเจร็อค “โยชิกิ” (Yoshiki) ที่ทุกคนต่างตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความสุข ซาบซึ้ง ดื่มด่ำไปกับบทเพลงที่ศิลปินระดับโลกผู้นี้บรรจงบรรเลงมอบให้กับแฟนเพลงอย่างสุดหัวใจ กับคอนเสิร์ตเพลงคลาสสิค “โยชิกิ คลาสสิคัล ไลฟ์ อิน แบงค็อก” ซึ่งได้ผ่านพ้นไปอย่างอบอุ่นเมื่อช่วงค่ำวันอังคารที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่รอยัล จูบิลี่ บอลรูม เมืองทองธานี
เพลงดังที่หลายคนรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นเพลง Forever Love, Rosa, Without You, Kurenai, Golden Globe Song, Endless Rain และอีกหลายบทเพลง รวมไปถึงเพลง “เดือนเพ็ญ” ที่โยชิกิเตรียมมาเพื่อเซอร์ไพรส์แฟนเพลงชาวไทยโดยเฉพาะ ได้ถูกนำมาบรรเลงในแบบคลาสสิคผ่านเปียโน และเครื่องสาย ไวโอลิน เชลโล่ วิโอล่า อย่างซาบซึ้งกินใจ นอกจากนี้ ยังได้มีการบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของวงเจร็อค ในตำนานอย่าง เอ็กซ์ เจแปน การรำลึกถึงอดีตสมาชิก ฮิเดะ และเรื่องราวเส้นทางของการเป็นสุดยอดนักดนตรีของตัวโยชิกิเอง ผ่านทางจอแอลอีดีขนาดใหญ่บนเวทีคอนเสิร์ตในครั้งนี้อีกด้วย
โยชิกิได้พูดคุยและทักทายกับแฟนเพลงอย่างเป็นกันเอง เรียกเสียงกรี๊ด รอยยิ้ม และเสียงปรบมือได้ ตลอดการแสดงกว่าสองชั่วโมงครึ่งของเขา ซึ่งสิ่งหนึ่งที่โยชิกิได้บอกกับแฟนเพลงชาวไทยคือ เขารักแฟนเพลงชาวไทยทุกคน เขารู้สึกซาบซึ้ง ประทับใจ ในความรักของแฟนเพลงชาวไทยที่มีให้กับเขาและวงเอ็กซ์เจแปน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรพวกเราจะก้าวไปด้วยกัน และเขาสัญญาว่าจะกลับมาเมืองไทย จะกลับมาหาแฟนๆ อีกอย่างแน่นอน จากนี้ หลังจบการแสดงที่เมืองไทย โยชิกิจะเดินทางไปเปิดการแสดงที่ ไทเป, โตเกียว และโอซาก้าต่อไป
ตำนานเจร็อคผู้ยิ่งใหญ่ “โยชิกิ” (Yoshiki) เตรียมนำผลงานโซโล่เดี่ยวคุณภาพจากอัลบั้มเพลงคลาสสิค “โยชิกิ คลาสสิคัล” (Yoshiki Classical) เปิดการแสดงให้แฟนเพลงชาวไทยได้สัมผัส กับคอนเสิร์ต “โยชิกิ คลาสสิคัล ไลฟ์ อิน แบงค็อก 2014” (Yoshiki Classical Live in Bangkok 2014) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 10 มิถุนายนนี้ ที่ รอยัล จูบิลี่ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
โยชิกิถือเป็นศิลปินที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในเอเชีย และเป็นไอคอนชาวร็อคที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คนหนึ่งอีกด้วย โยชิกิรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สร้างสรรค์ผลงานเพลงคอลเลคชั่นใหม่ ของเขา ในแนวเพลงแบบคลาสสิคที่เขาได้แต่งขึ้นให้กับแฟนๆ ทั่วโลก ซึ่งหลังการรอคอยอันยาวนานของแฟนๆ อัลบั้ม “โยชิกิ คลาสสิคัล” (Yoshiki Classical) ก็ถูกปล่อยออกไปทั่วโลกในฤดูใบไม้ร่วงของปี 2013 ที่ผ่านมา พร้อมเสียงตอบรับจากแฟนเพลงอย่างท่วมท้นเลยทีเดียว โดยผลงานชุดนี้เป็นความร่วมมือระหว่างโยชิกิและตำนานวงการเพลงอย่าง เซอร์ จอร์จ มาร์ติน (Sir George Martin) ผู้อำนวยการผลิตของวง เดอะ บีเทิลส์, เดอะ ลอนดอน ฟีลฮาร์โมนิค ออร์เคสตร้า, วง โตเกียว ซิตี้ ฟีลฮาร์โมนิค ออร์เคสตร้า และวงควอร์เท็ตจากซานฟรานซิสโก โดยทันทีที่ โยชิกิ คลาสสิคัล ได้รับการปล่อยออกมา ก็ทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 ชาร์ตเพลงคลาสสิคของ iTunes ใน 10 ประเทศทั่วโลกและติดอันดับ 10 เพลงฮิตในอีก 4 ประเทศทันที
นอกจากนี้ นิตยสารบิลบอร์ด, เอ็มทีวี, รอยเตอร์ และ เอโอแอล คลาสสิค เอฟเอ็ม ต่างชื่นชม โยชิกิ คลาสสิค ว่าเป็น "การแสวงหาที่ช่วยเปิดทัศนะใหม่ทางดนตรีของศิลปินเพลงที่ปรารถนาจะทำให้ผล งานเพลงของเขาให้กลายเป็นสิ่งที่มากกว่าคำว่าร็อคบัลลาร์ดส์" นิตยสารเปียนิสต์ ยกย่องอีกว่า โยชิกิ คลาสสิค เป็น "ความรักในดนตรีที่แท้จริงจากศิลปินที่มีความสามารถโดดเด่น ด้วยการสร้างผลงานที่จะเป็นที่จดจำและน่าประทับใจยิ่งให้กับทั้งวงการเพลง คลาสสิคและเพลงร็อค"
ถึงแม้ว่าโยชิกิจะเป็นที่รู้จักในฐานะศิลปินผู้ก่อตั้งวงร็อคที่ยิ่งใหญ่ที่ สุดของญี่ปุ่น คือ "X Japan" เขายังได้รับการยกย่อง ว่าเป็นบุคคลที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงให้กับวงการดนตรีแนววิ ชวลร็อค โยชิกิยังถือเป็นศิลปินชื่อดังระดับโลก ที่มีความปราดเปรื่องทั้งในการเล่นเครื่องดนตรีแนวคลาสสิคหลากหลายประเภท / นักประพันธ์เพลง / นักดนตรีแนวคลาสสิค วง "X Japan" มียอดขายกว่า 30 ล้านซิงเกิ้ลและอัลบั้มรวมกัน พร้อมกับการทัวร์คอนเสิร์ตที่จำหน่ายบัตรหมดในอีกหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมทั้งผู้ชมไม่ต่ำกว่า 55,000 คน ที่โตเกียวโดม และอีก 18 ที่อีกด้วย
ความสามารถของโยชิกิยังไม่จบเพียงเท่านี้ ในปี 2012 โยชิกิได้แต่งเพลงประกอบงานรางวัลลูกโลกทองคำซึ่งเผยแพร่ออกไปในอีก 111 ประเทศทั่วโลก และเขายังประพันธ์และบรรเลงดนตรีออร์เคสตร้า / เปียโน คอนแชร์โต้ ณ พะราชพิธีเฉลิมพระเกียรติพระจักรพรรดิประเทศญี่ปุ่นในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ 10 ปี รวมทั้งเพลงประจำงาน เวิลด์ เอ็กซ์โป ที่จัดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นด้วย
นอกเหนือจากงานเพลงของโยชิกิแล้ว เขายังได้รับการยกย่องจากคนในวงการอื่นๆ ในรูปแบบ ที่แตกต่าง อย่างเช่น สแตน ลี นักเขียนการ์ตูน มาร์เวิล ระดับตำนาน ที่สร้างการ์ตูนซีรี่ส์ซูเปอร์ฮีโร่ทางดนตรีขึ้นมาชื่อว่า "บลัด เรด ดราก้อน" โดยใช้โยชิกิเป็นต้นแบบ นอกจากนี้มาดามทุซโซยังได้ปั้นและเปิดตัวหุ่นขี้ผึ้งของโยชิกิ และโยชิกิเองยังมีแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับของเขาเอง ที่มีชื่อว่า โยชิกิ วีซ่าการ์ด และไวน์ของเขาที่มีชื่อว่า "วาย บาย โยชิกิ" และนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสายผลิตภัณฑ์ของ Hello Kitty ที่นำชื่อคนมาร่วมด้วย นั่นก็คือ โยชิคิตตี้ (Yoshikitty) และเมื่อเดือนธันวาคม 2013 ที่ผ่านมา โยชิกิได้เปิดตัวหูฟังรุ่นพิเศษของเขาเองด้วย ชื่อว่า โยชิกิ อีกด้วย
สำหรับผลงานในอัลบั้ม “โยชิกิ คลาสสิคัล” นั้นมีทั้งหมด 11 เพลง ซึ่งประกอบไปด้วยเพลง Miracle, Sieze The Light, Golden Globe Theme, Tears, Red Christmas, Anniversary, Forever Love, I’ll be Your Love, Amethyst, The Last Song และ Golden Globe Theme ในเวอร์ชั่นควอร์เท็ต ที่แฟนเพลงทุกคนจะได้ดื่มด่ำและสัมผัสกันในคอนเสิร์ต “โยชิกิ คลาสสิคัล ไลฟ์ อิน แบงค็อก 2014” (Yoshiki Classical Live in Bangkok 2014) ห้ามพลาด!! วันอังคารที่ 10 มิถุนายนนี้ ที่รอยัล จูบิลี่ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี บัตรราคา 3,000 / 4,500 และ 5,500 บาท เปิดจำหน่ายบัตรตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา โทร. 0-2262-3838 หรือ www.thaiticketmajor.com ติดตามและอัพเดทความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/bectero