4 พญาอินทรี “ดิ อีเกิ้ลส์” บินเปิดคอนเสิร์ตในไทย
20 กุมภาพันธ์ปีหน้า
สก๊อต ฟอเรฟเวอร์ยัง, สิงห์ คอร์เปอเรชั่น และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดคอนเสิร์ตยิ่งใหญ่ กับศิลปินระดับตำนานร็อคแอนด์โรล “อีเกิ้ลส์ ลอง โร้ด เอ้าท์ ออฟ อีเดน เวิล์ด ทัวร์ ไลฟ์ อิน แบ็งคอค” (EAGLES LONG ROAD OUT OF EDEN WORLD TOUR LIVE IN BANGKOK) ในวันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2554 ณ อิมแพคอารีน่า เมืองทอง ธานี
ดิ อีเกิ้ลส์ (The Eagles) ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน คือ เกลน เฟรย์ (Glenn Frey), ดอน เฮนลี (Don Henley) , โจ วอลช์ (Joe Walsh) และ ทิโมธี บี ชมิท (Timothy B. Schit) ได้รับการยกย่องให้เป็นวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษด้วยผลงานเพลงยอดฮิตอย่าง “โฮเทล แคลิฟอร์เนีย” (Hotel California) และ “ไลอิ้ง อายส์” (Lyin Eyes) ผลงานอัลบั้ม แดร์ เกรทเทสฮิทส์ 71-75 (Their Greatest Hits 71-75) ของพวกเขาถูกจัดให้เป็นอัลบั้มขายดีตลอดกาลในสหรัฐอเมริกา และได้รับการจารึกสูงสุดจาก สมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา [the Recording Industry Association of America (RIAA)] ด้วยยอดขายแผ่นเสียงทองคำขาวถึง 29 ครั้ง ปี วงดิอีเกิ้ลส์2550ได้ปล่อยเพลงใหม่ “ลอง โร้ด เอ้าท์ ออฟ อีเดน” (Long Road Our of Eden) ออกมา และทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 ในชาร์ตต่างๆ และได้รับแผ่นเสียงทองคำภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ นับเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่หลังจากที่พวกเขาไม่ได้ออกผลงานมานานถึง 28 ปี ซึ่งไม่มีวงดนตรีไหนในประวัติศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จได้ยาวนานขนาดนี้ นอกจากความสำเร็จด้านยอดขายแล้วพวกเขายังกวาดรางวัลมานับไม่ถ้วนเช่นรางวัลแกรมมี (GRAMMY Awards) หลายต่อหลายครั้ง รวมทั้งการได้จารึกชื่อในหอเกียรติยศร็อคแอนด์โรล (Rock and Roll Hall of Fame)
ดิ อีเกิ้ลส์ เคยเดินทางมาเปิดการแสดงในเมืองไทยเมื่อปี 2547 กับคอนเสิร์ตใหญ่ 2 รอบที่บัตรคอนเสิร์ตมากกว่า 2 หมื่นใบถูกจำหน่ายอย่างถล่มทลาย ในการกลับมาครั้งนี้ความมันส์และความยิ่งใหญ่ก็ไม่แพ้ครั้งแรกแม้แต่น้อย เพราะแฟนเพลงของพญาอินทรีจะได้เต็มอิ่มไปกับผลงานเพลงแห่งประวัติศาสตร์ พร้อมระบบเสียงอันเยี่ยมยอดและโปรดักชั่นจากทีมงานฝีมือเก๋าระดับโลกที่จะไม่ทำให้แฟนเพลงผิดหวัง โดยบัตรเข้าชมมีราคา 2,000, 3,000, 5,500, 6,500 และโกลด์แพ็คเกจ 7,500 บาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและสิทธิประโยชน์พร้อมส่วนลดต่างๆได้ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ www.thaiticketmajor.com 02 262 3838
และนี่คืออีกหนึ่งโปรดักชั่นของ บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์
ข้อมูล: ดิ อีเกิลส์ (The Eagles)
ดิ อีเกิลส์สร้างยอดจำหน่ายอัลบั้มเพลงสูงกว่า 120 ล้านชุดทั่วโลก มีอัลบั้มติดชาร์ทอันดับหนึ่งถึง 5 อัลบั้ม ได้รับรางวัลแกรมมี่อวอร์ด (Grammy Awards) 4 รางวัล เช่น รางวัลแผ่นเสียงยอดเยี่ยมประจำปี พ.ศ. 2520 จากผลงานเพลงชุด โฮเทล แคลิฟอเนีย (Hotel California) และมีเพลงขึ้นอันดับ 1 ของซิงเกิ้ลชาร์ทถึง 5 เพลง ผลงานชุด แดร์ เกรทเทสท์ ฮิตส์ ปี พ.ศ. 2514-2518(Their Greatest Hits 1971-1975) มียอดจำหน่ายเกินกว่า 29 ล้านชุด และเป็นอัลบั้มยอดนิยมที่ขายดีที่สุดตลอดกาล
ดิ อีเกิลส์เป็นวงดนตรีเพียงวงเดียวในประวัติศาสตร์วงการเพลงที่มีอัลบั้มทำยอดขายได้เกิน 10 ล้านชุดถึง 3 อัลบั้ม ผลงานเพลงชุดแดร์ เกรทเทสท์ ฮิตส์ ปี พ.ศ. 2514- 2518 เป็นอัลบั้มแรกที่คว้ารางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวจากเดอะเร็คคอร์ด อินดัสตรี แอสโซสิเอชั่น อ็อฟ อเมริกา (The Record Industry Association of America: RIAA) และเป็นอัลบั้มที่มียอดจำหน่ายสูงสุดตลอดกาลในสหรัฐอเมริกา ผลงานเพลงชุดโฮเทล แคลิฟอเนีย (Hotel California) ขายได้มากกว่า 16 ล้านชุด ส่วนอัลบั้มเกรทเทสท์ ฮิตส์ ทู (Greatest Hits 2) สร้างยอดจำหน่ายกว่า 11 ล้านแผ่นในสหรัฐอเมริกา ทุกอัลบั้มของดิ อีเกิลส์สามารถสร้างยอดจำหน่ายสูงกว่า 1 ล้านแผ่น ผลงานรวมบทเพลงของดิ อีเกิลส์ ยังคงสร้างยอดขายต่อเนื่องสูงกว่า 1.5 ล้านแผ่นทุกปี
ดิ อีเกิลส์เป็นถือว่าเป็นเผยแพร่ดนตรีแบบเซาเธิร์น แคลิฟอร์เนีย ซาวน์ด (Southern California Sound)แต่กลับไม่มีสมาชิกคนไหนในวงที่มาจากรัฐแคลิฟอร์เนียใต้เลย เกลนน์ เฟรย์ (Glenn Frey) มาจากรัฐมิชิแกน ดอน เฮนลีย์ (Don Henley) มาจากเท็กซัส ทิโมธี บี ชมิท (Timothy B. Schmit) มาจากตอนเหนือของแคลิฟอร์เนียและ โจ วอล์ช( Joe Walsh ) มาจากเมืองมาร์ส (Mars) ในเพนซิเวเนีย
อัลบั้มซีดีคู่ชุด ลอง โรด เอาท์ ออฟ อีเดน (Long Road out of Eden) ซึ่งมีเพลงรวมทั้งหมด 20 เพลง รวมทั้งเพลง ฮาวลอง (How Long) ได้ออกวางจำหน่ายวันที่ 30 ตุลาคมปี พ.ศ. 2550
ดิ อีเกิลส์ และวงเดอะ ดิกซี่ ชิกส์ เป็นศิลปินสองกลุ่มแรกที่เปิดการแสดงที่โนเกีย เธียเตอร์ แอลเอ ไลฟ์ (Nokia Theatre L.A. LIVE) ซึ่งบัตรเข้าชมการแสดงทั้ง 6 รอบในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 ก็ขายหมดเกลี้ยง
ปี พ.ศ. 2550 ดอน เฮนลีย์ได้รับยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปี (Person of the Year) จากมิวสิคแคร์ (MusiCares) ซึ่งเป็นองค์กรให้การสนับสนุนทางด้านการเงิน การแพทย์ และความจำเป็นส่วนตัวกับนักดนตรี
ปี พ.ศ. 2548 ยอดจำหน่ายบัตรเข้าชมทัวร์คอนเสิร์คของเดอะอีเกิลส์มีมูลค่ารวมสูงสุดเป็นลำดับที่ 2 ของปีนั้น ตามข้อมูลจากนิตยสารบิลบอร์ด
ปี พ.ศ.2548 ดิ อีเกิลส์ออกทัวร์คอนเสิร์ตชื่อ แคลิฟอร์เนียทัวร์ ซึ่งเฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างเดียวก็ทำการแสดงมากถึง 27 รอบ ซึ่งรวมถึงอารีน่าคอนเสิร์ต 12 รอบ ในลอสแองเจลิสที่ทำลายสถิติขายบัตรหมดเกลี้ยง
ในเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ.2548 ดิ อีเกิลส์วางจำหน่ายดีวีดีชุด อีเกิลส์ แฟร์เวล วัน ทัวร์ ไลฟ์ ฟรอม เมลเบิร์น(Eagles Farewell I Tour – Live from Melbourne) และได้รับการรับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวถึง 16 รางวัล
รายการโทรทัศน์พิเศษแฟร์เวล วัน ของดิ อีเกิลส์ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2548 มีเรตติ้งสูงสุดในกลุ่มผู้ชมวัย 18-49 ปีและเป็นรายการที่มีผู้ชมมากที่สุดในช่วงเวลานั้น
ปี พ.ศ. 2548 ดิ อีเกิลส์ออกทัวร์คอนเสิร์ตฤดูใบไม้ผลิในชื่อแฟร์เวล วัน(Farewell I) ซึ่งบัตรเข้าชมการแสดง 6 รอบในนิวยอร์กขายหมดเกลี้ยง และเป็นคอนเสิร์ตที่มียอดจำหน่ายบัตรสูงสุดของฤดูคอนเสิร์ตในเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.2548
ปี พ.ศ. 2547 ดิ อีเกิลส์ออกทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกโดยใช้ชื่อ แฟร์เวล วัน (Farewell I) ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ฮ่องกง สิงคโปร์ ไทย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ซึ่งบัตรเข้าชมการแสดง 5 รอบ ในกรุงเมลเบิร์นก็ขายหมดเกลี้ยง
อัลบั้มซีดีรวมเพลงชุด อีเกิลส์ เดอะ เวรี่ เบสท์ ออฟ (Eagles – The Very Best Of) ออกวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม ปีพ.ศ. 2546 และได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว 2 รางวัลภายในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2546
ปีพ.ศ. 2546 ดิ อีเกิลส์ออกทัวร์คอนเสิร์ตชื่อ แฟร์เวล วัน (Farewell I) ใน 48 เมืองของสหรัฐอเมริกาและเป็นทัวร์ที่มียอดจำหน่ายบัตรรวมมูลค่าสูงสุดอันดับ 3 ของปีนั้น
ปีพ. ศ. 2546 วงได้ออกซิงเกิ้ลชื่อ โฮล อิน เดอะ เวิลด์ ( Hole In The World) ภายใต้สังกัด อีอาร์ซี เรคคอร์ดซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่อวอร์ด และเป็นหนึ่งในซิงเกิ้ลที่ขายดีสีสุดในปีนั้น
ปี พ.ศ. 2541 ดิ อีเกิลส์ได้รับเลือกให้เข้าไปอยู่ทำเนียบร็อก แอนด์ โรล ฮอล ออฟ เฟม (Rock & Roll Hall of Fame) ซึ่งเป็นปีแรกที่พวกเขาได้รับเลือก
อัลบั้ม คอมมอน เธรด เดอะ ซองส์ ออฟ ดิ อีเลส์ (Common Thread: The Songs Of The Eagles) เป็นอัลบั้มรวมเพลงของดิ อีเกิลส์ของศิลปินจากเมืองแนชวิลล์ ออกวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2536 สามารถสร้างยอดจำหน่ายสูงกว่า 5 ล้านชุด และได้รับรางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยมประจำปี พ.ศ. 2537 จาก เดอะ คันทรี มิวสิก แอสโซซิเอชั่น ( The Country Music Association) รายได้ส่วนหนึ่งจากเงินค่าลิขสิทธิ์ของอัลบั้มนี้ได้มอบให้กับโครงการวอลเดน วูดส์ (Walden Woods Project)ซึ่งก่อตั้งโดยสมาชิกวงดิ อีเกิลส์ ดอน เฮนลีย์ ในปี พ.ศ. 2533 โครงการนี้ช่วยปกป้องพื้นที่ป่ารอบๆทะเลสาบวอลเดน พอนด์ ซึ่งปรากฎในงานประพันธ์ของเฮนรี เดวิด โธโรส์
ผลงานเพลงชุด แดร์ เกรทเทสท์ ฮิตส์ ปี พ.ศ. 2514-2518 และ โฮเทล แคลิฟอเนีย สามารถทำยอดจำหน่ายสูงกว่า 18 ล้านชุดภายในระยะเวลา 18 เดือนในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม ปีพ.ศ.2519 ถึง เดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. 2521
ผลงานชุด โฮเทล แคลิฟอร์เนีย ประกอบด้วยเพลงดังอย่างไลฟ์ อิน เดอะ ฟาสท์ เลน (Life in the Fast Lane) นิว คิด อิน ทาวน์ (New Kid in Town) และสุดยอดเพลงฮิตอย่าง โฮเทล แคลิฟอร์เนีย
ผลงานเพลงชุด วัน ออฟ ดีส ไนท์ส (One of These Nights) เป็นอัลบั้มแรกของวงที่สามารถขึ้นถึงอันดับ 1 หลังจากนั้น อัลบั้มโฮเทล แคลิฟอร์เนีย และอัลบั้มแดร์ เกรทเทสท์ ฮิตส์2514-2518 ที่ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2519 และอัลบั้มชุดเดอะ ลอง รันที่ออกวางแผงในปี 2522 ก็สามารถขึ้นถึงอันดับ 1 เช่นกัน อีก 15 ปีต่อมาดิ อีเกิลส์ก็สามารถกลับมามีอัลบั้มขึ้นอันดับ 1 อีกครั้งหลังจากที่กลับมารวมวงอีกครั้งด้วยผลงานชุด เฮล ฟรีซเซส โอเวอร์(Hell Freezes Over)ในปี พ.ศ. 2537 ภายใต้สังกัดเกฟเฟน
วัน ออฟ ดิส ไนท์ส เป็นผลงานชุดที่ 4 ชุดของวง ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกของวงที่ติดชาร์ทอันดับ 1 ในอัลบั้มนี้เพลงอับดับ 1 ของซิงเกิ้ลชาร์ทอย่าง ไลอิน อายส์ (Lyin' Eyes) และวัน ออฟ ดิส ไนท์ส ส่วนอัลบั้มชุด ออน เดอะ บอร์เดอร์ (On the Border) ที่ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2517 มีเพลงอันดับ 1 อย่าง เดอะ เบสท์ ออฟ มาย เลิฟ (The Best of My Love)
อัลบั้ม |
Eagles |
1972 |
Desperado |
1973 |
On The Border |
1974 |
One Of These Nights |
1975 |
Their Greatest Hits (1971 - 1975) |
1976 |
Hotel California |
1976 |
The Long Run |
1979 |
Eagles Live |
1980 |
Eagles Greatest Hits Volume 2 |
1982 |
Hell Freezes Over |
1994 |
Selected Works |
2000 |
Eagles – The Very Best Of |
2003 |
Long Road Out of Eden |
2007 |
EAGLES SINGLES |
YEAR |
Top Chart Position |
Take It Easy |
1972 |
# 12 |
Witchy Woman |
1972 |
# 9 |
Peaceful Easy Feeling |
1972 |
# 22 |
Best Of My Love |
1974 |
# 1 |
One Of These Nights |
1975 |
# 1 |
Lyin’ Eyes |
1975 |
# 2 |
Take It To The Limit |
1975 |
# 4 |
New Kid In Town |
1976 |
# 1 |
Hotel California |
1977 |
# 1 |
Life In The Fast Lane |
1977 |
# 11 |
Heartache Tonight |
1979 |
# 1 |
The Long Run |
1979 |
# 8 |
I Can’t Tell You Why |
1980 |
# 8 |
Hole In The World |
2003 |
# 3 |
How Long |
2007 |
|
อีเกิ้ลส์ ลอง โร้ด เอ้าท์ ออฟ อีเดน เวิล์ด ทัวร์ ไลฟ์ อิน แบ็งคอค |
|
|
ศิลปิน |
ดิ อีเกิ้ลส์ (The Eagles) |
สมาชิก: |
เกลน เฟรย์ (Glen Frey) กีต้าร์ /ร้องนำ
ดอน เฮนเลย์ (Don Henley) กลอง /
ร้องนำ
โจ วอลช์ (Joe Walsh) กีต้าร์/ ร้องนำ
ทิโมธี่ บี ชมิทท์ (Timothy B. Schmit)เบส /ร้องนำ |
วันแสดง |
วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2554 |
เวลาแสดง |
20.00 น. ประตูเปิด 19.00 น. |
สถานที่ |
อิมแพค อารีน่า เมืองทองธาน |
ราคาบัตร |
2,000 / 3,000 / 5,500 / 6,500
และโกลด์แพคเกจ 7,500 บาท |
จำหน่ายบัตร |
บูธไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา ไปรษณีย์ไทย 52 สาขา กรุงเทพฯ
และ ปริมณฑล จุดจำหน่ายตั๋วเมเจอร์ และอีจีว |
รายละเอียดเพิ่มเติม |
โทร 0 2262 3838
www.thaiticketmajor.com
www.bectero.com |