Imagine Dragon

SMOKE + MIRRORS อัลบั้มรวมเพลงฮิต ด้วยพลังศิลปินที่พลุ่งพล่าน จาก Imagine Dragons

 

 

 

Night Visioins ไม่ใช่แค่เป็นอัลบั้มชุดแรกของอิเมจิน ดรากอนส์ วงดนตรีจากลาส เวกัส ที่ตั้งวงกันมาตั้งแต่ปี 2008 ออกอีพีกับสังกัดเล็กๆ มาก่อนจะได้เซ็นสัญญาออกอัลบั้มชุดนี้กับสังกัดใหญ่ อินเตอร์สโคป แต่ยังเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แจ้งเกิดให้กับวงทั้งในเรื่องคุณภาพและความนิยม

 

เมื่อพวกเขาคว้ารางวัลแกรมมีมาครอง, เพลง Radioactive ถูกนิตยสารโรลลิง สโตนเลือกให้เป็นเพลงร็อคสุดฮิตแห่งปี ขณะที่เอ็มทีวี ยกให้อิเมจิน ดรากอนส์ เป็นวงดนตรีที่แจ้งเกิดที่ได้ยิ่งใหญ่ที่สุดของปี แล้วเมื่อมองถึงยอดขาย Nights Visions ทำยอดขายทะลุ 2 ล้านก็อปปี เฉพาะในอเมริกา และทำตัวเลขในระดับแผ่นเสียงทองคำขาวจาก 12 ประเทศ ในช่วงเวลาที่วงการเพลงออกจะหงอยเหงาซบเซา และไม่มีวงร็อควงไหน ที่ประสบความสำเร็จเลยในช่วงเวลา 2-3 ปีมานี้ งานนี้ถือว่า บรรดามังกรช่างฝันกลุ่มนี้ มากู้หน้ากู้ตาให้กับวงการเพลงร็อคก็เลยทีเดียว 

 

และทำให้งานชุดต่อมาของพวกเขา กลายเป็นผลงานที่แฟนเพลงรอคอย คนในธุรกิจดนตรีจับตามอง ว่าจะทำได้ดีเยี่ยมขนาดไหน ล้มเหลวตามสไตล์อาถรรพ์อัลบั้มหมายเลข 2 หรือว่าทำให้อนาคตของพวกเขาทอดยาวต่อไปได้อีก นี่คือโจทย์ที่มีคนตั้ง แต่ไม่จำเป็นที่อิเมจิน ดรากอนส์ต้องตอบ

 

ทิ้งช่วงห่างจาก Night Visons ราวๆ 2 ปี อิเมจิน ดรากอนส์ ก็ปล่อยงานชุดใหม่ Smoke + Mirrors ออกมา

 

เนื้องานยังมาเป็นเพลงร็อค ที่ผสมผสานดนตรีอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาอย่างกลมกลืน โดยตัวเพลงมีพื้นของความเป็นป็อปที่แน่นหนาไม่ต่างจากที่ได้ยินใน Night Visions โทนดนตรียังฟังฟุ้งฝัน ล่องลอย ในอารมณ์แบบงานเทพนิยาย ที่มีความเป็นแฟนตาซีในตัว แต่ก็สัมผัสได้ว่า อิเมจิน ดรากอน มาพร้อมกับงานดนตรีที่เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะภาคของจังหวะ ที่หากไม่ฟังดูใหญ่ก็ถูกขับเน้นให้โดดเด่น รวมไปถึงมีจังหวะจะโคนที่สะดุดหู หรือเติมแต่งด้วยซาวนด์แปลกๆ ที่ทำให้มีเสน่ห์กว่าเดิม เป็นงานที่ต่อยอดจากสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในตัวของพวกเขา ซาวนด์ริธึม และการสร้างบรรยากาศฝันๆ

 

ด้วยดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ลอยๆ บีทแข็งแรง และมีอารมณ์แบบร็อค อย่างนี้ ส่งให้ Smoke + Mirrors มีโทนแบบงานยุค 80s ชัดเจน โดยบางเพลงอย่าง เพลงที่เป็นชื่อชุด ก็ทำให้นึกถึงวงเทคโน-ป็อปในยุคนั้น อย่าง อะ-ฮ่า ขึ้นมาในทันที หรือ Shots เพลงเปิดอัลบั้ม ก็ราวก็พาพวกเจ้าพ่อซินธิไซเซอร์มาเล่นแบ็คอัพให้ แต่ในแต่ละเพลงของพวกเขา ต่างก็แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลดนตรีแนวทางต่างๆ ที่พวกเขาซึมซับ รับเข้า และปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็นจังหวะจะโคนแบบคันทรีสนุกๆ บวกริฟฟ์กีตาร์แบบฮาร์ดร็อคจาก I’m So Sorry, โฟลค์-ร็อคแบบเดียวกับที่ฟลีท ฟ็อกเซสรับมา ใน Trouble, นู-เมทัลกับ Friction, ขณะที่ The Fall ก็มีซาวนด์ของงานเทคโนป็อปยุค 80s, ส่วน I Bet My Life อิเมจิน ดรากอนส์ ก็พาไปไกลถึงดนตรีเวิร์ดล์ มิวสิคกันเลยมีเดียว ซึ่งแต่ละเพลงก็แม่น คมในแนวทาง และทำได้ดีในตัวเอง

 

หากรายละเอียดที่หลากหลาย รวมไปถึงการใช้ซาวนด์ที่มีความแตกต่างกันไป ทำให้ไม่แปลก ที่ Smoke + Mirros จะให้การขับเคลื่อนที่ไม่ราบลื่นนัก กับการเปลี่ยนผ่านจากเพลงหนึ่งไปสู่อีกเพลงหนึ่ง ซึ่งกับการฟังเป็นอัลบั้มนั้น อาจจะไม่สนุก หากคิดจะฟังกันอย่างจริงๆ จัง ๆ แต่กับการฟังแบบทั่วๆ ไป เปิดอัลบั้มแล้วปล่อยผ่าน Smoke + Mirrors น่าจะรื่นรมย์ได้มากว่า

 

แต่ที่ลืมไม่ได้ก็คือ ด้วยความลงตัว และการที่แต่ละเพลงมีเสน่ห์ และแรงดึงดูดเฉพาะ รวมทั้งความเป็นป็อปในตัวที่ชัดเจน ทำให้ Smoke + Mirrors ดูจะเป็นอัลบั้มแบบรวมงานซิงเกิลมากกว่าจะเป็นอัลบั้มกลมกลืนกันในภาพรวมสำหรับงานในส่วนของดนตรี ไม่ว่าจะเป็น Shots, I Bet My Life, It Comes Back to You, Summer, Smoke + Mirrors หรือ Friction ซึ่งก็มากเกือบเกินครึ่งของงานชุดนี้แล้ว ล้วนมีกำลังมากพอที่จะเป็นซิงเกิล และพายอดขายอัลบั้มชุดนี้ไปข้างหน้าได้ไม่ยาก

 

เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีของ แต่ก็เห็นได้ชัดเช่นกันว่า ยังอยู่ในช่วงพลุ่งพล่าน งานเลยเป็นอัลบั้มที่มีเพลงพร้อมฮิตเพียบ แต่ฟังไม่เรียบลื่นอย่างที่เห็น

 

จากเรื่อง อัลบั้มรวมเพลงพร้อมฮิต ด้วยพลังศิลปินที่พลุ่งพล่าน โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสาร สีสัน

 

(ที่มา : http://www.sadaos.com/ )