ประวัติ

นับตั้งแต่บีเบอร์โพสต์คลิปร้องเพลงคัฟเวอร์ของ Usher, Ne-Yo and Stevie Wonder เป็นจำนวนมาก ลงบน YouTube ตั้งแต่ปี 2007 โดยดึงดูดยอดวิวกว่า 10 ล้านวิวบนยูทูบ

"ผมเริ่มร้องเพลงเมื่อสามปีที่แล้ว" บีเบอร์กล่าว "ผมสมัครเข้าการแข่งขันประกวดร้องเพลงประจำท้องถิ่น Stratford Idol ซึ่งผู้ประกวดแต่ละคนผ่านการเรียนร้องเพลงและมีโค้ชมาด้วยทั้งนั้น แต่ผมไม่ได้จริงจังอะไรมากมาย ผมมักจะร้องอยู่แต่ในบ้าน และผมก็ได้ที่สองด้วยอายุเพียงสิบสองปี"

"ผมอัพโหลดคลิปการประกวดของผมบนยูทูบเพื่อให้เพื่อนและครอบครัวดู แต่กลายเป็นว่าคนอื่นๆ ก็ชอบมัน และเริ่มติดตามผลงานของผม ทำให้ผู้จัดการของผมมาเจอเข้า เขาเห็นผมบนยูทูบและติดต่อมาที่ครอบครัวของผม ซึ่งทำให้ผมได้เซ็นสัญญาในตอนนี้"

เจ็ดเดือนหลังจากโพสต์วีดีโอของเขาบนโลกออนไลน์ อดีตผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ So So Def ได้ให้นักร้องวัย 13 ขวบบินตรงมายัง Atlanta, GA เพื่อมาพบกับผู้ร่วมงานของเขา ราวกับว่าพรสวรรค์ การร้องเพลงของจัสตินนั้นไม่พอที่จะทำให้คนวงในของ Scooter Braun พอใจ แต่ Scooter Braun รู้ว่าจัสตินเป็นนักดนตรีที่หัดเล่นทุกอย่างเอง ไม่ว่าจะเป็น กลอง กีต้าร์ เปียโน และ ทรัมเป็ต "เมื่อเรามาถึง Atlanta Scooter ขับรถมาส่งเราที่ลานจอดรถหน้าสตูดิโอซึ่งมี Usher ยืนอยู่" บีเบอร์กำลังทบทวน ซึ่งมันเป็นครั้งแรกที่ผมได้ออกมาจากแคนนาดา ผมจึงเดินตรงเข้าไปหาเขา และพูดว่า "เฮ Usher ผมชอบเพลงคุณมาก คุณอยากฟังผมร้องเพลงของคุณสักเพลงไหม" ซึ่งเขาก็ตอบกลับมาว่า "ไม่ล่ะ ตัวเล็ก เข้าไปข้างในเถอะ ข้างนอกมันหนาว" นับตั้งแต่บีเบอร์โพสต์คลิปร้องเพลงคัฟเวอร์ของ Usher, Ne-Yo and Stevie Wonder เป็นจำนวนมาก ลงบน YouTube ตั้งแต่ปี 2007 โดยดึงดูดยอดวิวกว่า 10 ล้านวิวบนยูทูบ

Usher ใช้เวลาออนไลน์อยู่เพียงครู่เดียวถึงรับรู้ได้ทันทีว่าเขาอยู่ในบริษัทเดียวกับซูเปอร์สตาร์ในอนาคต บีเบอร์กล่าวต่อว่า "หนึ่งอาทิตย์ต่อมา Usher ให้ผมบินกลับไป Atlanta ผมร้องเพลงให้เขาและทีมงานของฟัง ซึ่งเขาอยากจะให้ผมเซ็นสัญญากับเขาทันที แต่ผมยังมีนัดกับ Justin Timberlake ซึ่งอยากได้ตัวผมเช่นกัน แต่กลายเป็นว่าข้อตกลงของ Usher ดีกว่าเยอะ เขามี L.A. Reid เป็นแบ็คอัพ และ Scooter ที่มีเส้นสายมากมายที่น่าสนใจอยู่ใน Atlanta ทุกวันนี้ผมยังล้อ Usher ทุกครั้งถึงวันที่เขาเจอผมครั้งแรก"

ในเดือนตุลาคม 2008 จัสติน บีเบอร์ ได้เซ็นสัญญากับ Island Record อย่างเป็นทางการ อัลบั้มเปิดตัวของเขา My World เป็นมุมมองลงไปในจิตใจของเด็กหนุ่มน้อยผู้รอบรู้ที่กำลังเติบโต ด้วยมหกรรมงานโปรดักชั่นจาก The Dream และTricky Stewart ที่โปรดิวซ์เพลง "Umbrella" ของ Rihanna และ เพลงดังล่าสุดของ Beyonce เพลง Single Ladies (Put A Ring On It) จัสตินจึงเพรียบพร้อมไปด้วยทุกอย่างที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จในวงการเพลงป๊อบ

ซิงเกิ้ลแรกของเขา เพลง One Time ซึ่งถูกโปรดิวซ์โดย Tricky เกี่ยวกับ ความรักครั้งแรก ซึ่งเป็นหัวข้อโปรดของจัสติน เพลง First Dance ที่มี Usher ร่วมร้องด้วยสองท่อนในเพลงที่บีเบอร์นิยามว่าเป็น เพลงท่วงทำนองช้าที่คนสามารถเต้นได้ Midi-Mafia โปรดิวส์เพลง Down to Earth ที่จัสตินลงลึกพูดถึงการเติบโต เพลง Bigger ที่สัมผัสถึงความเป็นผู้ใหญ่ของนักร้องหนุ่ม ในขณะที่เชิญชวนให้ผู้ฟังบากบั่นไปสู่เป้าหมาย

จัสตินเปิดเผยว่า "ผมอยากจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้คนในทางบวก ข้อความของผมคือคุณสามารถทำอะไร ก็ได้เพียงแค่ใส่ใจกับมัน ผมเติบโตมาโดยไม่ได้มีทุกสิ่งอย่างที่ทุกคนมี แต่ผมคิดว่ามันทำให้ผมเข้มแข็งขึ้น ตอนนี้ผมได้เกรดเฉลี่ย 4.0 ทำให้ผมอยากเข้ามหาลัยและเป็นคนที่ดีกว่าเดิม" จัสติน บีเบอร์ ถูกวางให้เป็นพลังที่เข้มแข็งในอีกหลายปีของวงการเพลง "ผมคิดว่า คนมีอายุก็สามารถชอบเพลงของผมได้ เพราะผมใส่หัวใจลงไปในการร้องเพลง และมันก็ไม่ล้าสมัย" เขากล่าวไว้ "ผมคิดว่าผมได้โตขึ้นในฐานะศิลปินและแฟนเพลงก็จะโตพร้อมกันไปกับผม" ลองคิดดู เขาเพิ่งได้เริ่มต้นเอง

News & Update

Review

สุดประทับใจ! คอนเสิร์ตครั้งแรกในเมืองไทยของ "จัสติน บีเบอร์"

         เสร็จสิ้นไปอย่างสวยงามกับคอนเสิร์ตของหนุ่มสุดฮอตในดวงใจของใครหลายคนอย่างหนุ่ม “จัสติน บีเบอร์” งานนี้ทำเอาบีลีเบอร์หลายคนน้ำตาปริ่มด้วยความดีใจที่ได้เห็น ตัวจริงเสียงจริงของศิลปินที่เขารักมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว!

    บรรยากาศก่อนเริ่มงานนั้นดูคึกคัก คึกครื้นและเต็มไปด้วยสีสัน เนื่องจากเหล่าบีลีเบอร์ต่างจัดเต็มทั้งแฟชั่นสุดจี๊ดแบบเก๋ๆ เสียงกรี้ดที่จัดมาแบบเต็มพลัง รวมไปถึงอุปกรณ์การเชียร์ของโปรเจ็คต่างๆที่พวกเขาต่างตั้งใจตระเตรียมมาเพื่อให้หนุ่มบีเบอร์ประทับใจ  อย่างเช่น โปรเจ็คป้ายเชียร์ที่มีข้อความเขียนว่า “จัสติน เรารักคุณ Justin, we love you” ที่เหล่าบีลีเบอร์เตรียมส่งความรักนี้ให้จัสตินได้เห็นในงานคอนเสิร์ต

      ความตื่นเต้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อไฟในฮอลล์หรี่ลง ภาพกราฟฟิกสุดเท่ห์ฉายขึ้นมาบนจอที่อยู่ด้านหลังก่อนจะเรียกเสียงกรี้ดกระหน่ำด้วยความดีใจเมื่อฉากด้านหลังปรากฎเงา ของเขา “จัสติน บีเบอร์” ลุคมาดเท่ห์ปรากฎพร้อมปีกใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเขาเป็นสัญญาณว่าเขาพร้อมโบยบินเพื่อมอบความสนุกให้กับทุกๆคนแล้ว

    เพลงฮิตชื่อดังอย่าง All around the world ระเบิดความมันส์ขึ้นพร้อมเสียงร้องกระหึ่มดังไปทั่วฮอลล์พร้อมรอยยิ้มและเสียงเชียร์ ก่อนเขาจะกล่าวทักทายบีลีเบอร์ชาวไทยอย่าง เป็นกันเอง ต่อจากนั้นเขาจะจัดเพลงฮิตมาให้บีลีเบอร์ได้ชมกันอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเพลงจังหวะเร็วๆที่ทำเอาขาแด๊นซ์นั่งไม่ติดที่ ต้องขยับตัวตามเสียงเพลงกันแบบมันส์สุดๆอย่างเพลง She don’t like the light, Never say never ,Beauty and the beat รวมไปถึงเพลงสบายๆอย่าง catching feeling, die in your arms, love me like you do เป็นต้น ที่ทำเอาสาวๆเคลิ้มกันถ้วนหน้า นอกจากนั้นยังมีเพลงซึ้งๆอย่างเพลง Be alright ที่ความหมายโดนใจมาพร้อมเสียงกีต้าร์โปร่งในสไตล์อะคูสติก และเสียงร้องอันพร้อมเพียงของจัสติน และบีลีเบอร์ของเขาที่ประสานกันได้อย่างน่าฟัง

     และเพลงหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นก็คือเพลง One less lonely girl ซึ่งจัสตินต้องเลือกแฟนคลับคนหนึ่งของเขาขึ้นมาร่วมแสดงในเพลงนี้ใน คอนเสิร์ตบีลีฟทัวร์ของทุกๆประเทศ และแน่นอนประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน แฟนคลับสาวผู้น่ารักได้รับเกียรติเลือกขึ้นไปเป็น One less lonely girl ของค่ำคืนนี้ สายตาและการแสดงออกในทุกท่วงท่าที่ดูโรแมนติกจนเชื่อว่าหัวใจของใครหลายคนคงจะเต้นไม่จังหวะ เสียงกรี้ดดังกระหึ่มเมื่อเขากอด และสวมมงกุฎดอกไม้ให้สาวน้อยผู้โชคดี ปิดท้ายด้วยการยื่นมือมาให้เธอ จับเพื่อเดินเข้าไปหลังเวทีอย่างเป็นกันเอง ยิ่งเรียกความประทับใจจากคนดูได้เป็นอย่างที่สุด

     หลังจากนั้นเขากลับออกมาอีกครั้งด้วยสองเพลงส่งท้าย อย่าง As long as you love me เพลงสุดฮิตที่ติดหลายชาร์ต และ Believe บทเพลงที่เขาตั้งใจส่งมอบให้บีลีเบอร์ทุกคนแทนคำ ขอบคุณที่เชื่อในตัวเขา

    ความสนุกยังไม่จบเพียงเท่านั้น เมื่อเหล่าบีลีเบอร์ส่งเสียงเรียกอังกอร์ให้เขาออกมาอีกครั้ง เสียงเรียก“จัสติน” ดังไปทั่วทั้งฮอลล์ ก่อนเขาจะปรากฎกายอีกครั้งด้วยเพลง Boyfriend พร้อมการถอดเสื้อด้านบนออก แสดงให้เห็นถึงกล้ามเนื้อสุดซี้ด และรอยสักสุดเท่ห์ที่สะกดทุกสายตาของสาวๆไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ ที่อยากจะขึ้นไปกระโดดกอดหนุ่มจัสตินแน่นๆกันทีเดียว!   และช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นก็ต้องมีเวลาสิ้นสุด จัสตินได้เลือกบทเพลงที่ฮิตที่สุดในโลกการันตีด้วยยอดวิวที่สูงที่สุดกว่า 900 ล้านวิวในยูทูป อย่าง BABY มาร้องส่งท้ายไปพร้อมกับบีลีเบอร์ทุกๆคนที่ประเทศไทย ในวันนี้ แม้ความสนุกจะจบลงไปแล้ว แต่เชื่อได้เลยว่าภาพความประทับใจ ภาพความรักที่เขาแสดงต่อบีลีเบอร์ที่เมืองไทย จะประทับอยู่ในใจใครหลายคนไปอีกนาน.