Muse

“Muse” ชุดใหม่ “Drones” งานเพลงที่ยังคง“โดน”

 

 

แม้จะมีสมาชิกเพียง 3 พะหน่อ แต่ว่าวง “Muse”(มิวส์) นั้นได้ชื่อว่าเป็นวงดนตรีที่แสดงสดได้สุดสะเด่า เจ๋งที่สุด ดีที่สุดวงหนึ่งแห่งยุคนี้ พ.ศ.นี้ และเป็นข่าวดีว่าวงมิวส์จะมาเปิดคอนเสิร์ตครั้งแรกในเมืองไทยในวันที่ 23 ก.ย. 58 นี้ ที่อิมแพคเมืองทองธานี ใครที่เป็นแฟนเพลงวงมิวส์ อยากดูวงแสดงสดดีที่สุดในโลก อยากดูไลฟ์โชว์เจ๋งๆ งานนี้ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง
       
มิวส์เป็นวงโพรเกรสซีฟร็อกจากเมืองผู้ดี ประเทศอังกฤษ ก่อตั้งวงตั้งแต่ต้นปี ค.ศ.1990 โดย 3 เพื่อนเกลอ ได้แก่ แมทธิว เบลลามี (Matthew Bellamy) : ร้องนำ กีตาร์ เปียโน คีย์บอร์ด ซินธิไซเซอร์,คริส โวลสเตนโฮล์ม (Chris Wolstenholme) : เบส คีย์บอร์ด ฮาร์โมนิก้า และ โดมินิค ฮาวาร์ด (Dominic Howard) กลอง เพอร์คัสชั่น
       
ก่อนจะมาใช้ชื่อวงมิวส์ 3 หนุ่มกลุ่มนี้ได้ใช้ชื่ออื่นมาก่อนไม่ว่าจะเป็น Gothic Plague, Fixed Penalty, และ Rocket Baby Dolls เป็นต้น แต่สุดท้ายมาลงตัวที่ชื่อ Muse
       
จากนั้นพวกเขาส่งอัลบั้มแรกออกมาคือ “Showbiz”(1999) ที่มีเพลงดังอย่าง “Sunburn” และ “Unintended” ซึ่งเพียงอัลบั้มแรกก็ประสบความสำเร็จ ได้รับความชื่นชม และสามารถแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวแบบไม่ต้องไปอำเภอ
       
แล้ววงมิวส์ก็ก้าวเดินอย่างองอาจกับแนวทางเฉพาะตัวในรูปแบบโพรเกรสซีฟร็อกกับดนตรีอันหลากหลายที่นำมาผสมผสานกันกลายเป็นซาวนด์เอกลักษณ์ของวงมิวส์ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น อัลเทอร์เนทีฟ,คลาสสิก,อีเล็คทรอนิก้า, เฮฟวี่เมทัล,นูเมทัล รวมไปถึงการนำโอเปร่าร็อกอิทธิพลจากวง“ควีน”(Queen) ยอดวงโอเปร่าร็อกชื่อก้องโลกมาผสมผสานในยุคหลังๆ

 

 

วันนี้วงมิวส์กลับมาอีกครั้งกับงานเพลงชุดใหม่ “Drones”(2015) ในสังกัด “Warner Music” กับผลงานสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 7 โดยที่สมาชิก 3 เพื่อนเกลอที่ร่วมหัวจมท้ายมาตั้งแต่ชุดแรกยังคงอยู่เหมือนเดิม ขณะที่ผู้มาทำหน้าที่โปรดิวเซอร์นั้นก็คือ “มัทท์ แลงจ์” ผู้อยู่เบื้องหลังอัลบั้มดังๆของวงร็อกแถวหน้าหลายวง ไม่ว่าจะเป็น AC/DC, เดอะ คาร์ส, หรือ เดฟ เลพพาร์ด
 

โดรน อากาศยานเล็กไร้คนขับ นวัตกรรมยุคใหม่ ซึ่งในวงการช่างภาพกำลังเป็นที่นิยมกับการถ่ายภาพมุมสูงผ่านโดรน แต่ในแวดวงการเมืองระดับประเทศนี่เป็นอุปกรณ์สอดแนมชั้นดี ซึ่งถือเป็นคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มชุดนี้ที่เน้นไปทางการเมือง เกี่ยวพันกับการโจรกรรมข้อมูล การสอดแนม การแฮ็คข้อมูล ซึ่งมีหลายเพลงพาดพิงไปถึง “เอ็ดเวิร์ด สโนว์เด็น” และ วิกีลีกส์ จอมแฉระดับโลกที่ชอบนำข้อมูลลับ(เฉพาะ)ของหลายประเทศมาเปิดเผยจนเคยถูกไล่ล่าเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก
 

ปกของอัลบั้มนี้ก็สื่อให้เห็นถึงมนุษย์ทั่วไปกำลังถูกมนุษย์หัวไม้ผู้มีอำนาจบังคับชักใยให้ดินทางในทิศทางเดียวกัน และเบื้องหลังผู้มีอำนาจนั้นก็มีมือใหญ่ยักษ์ของผู้มีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่าบังคับกุมบังเหียนเขาอีกที แล้วไอ้มือใหญ่นี่แหละคือตัวแสบที่สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก
 

ขณะที่ในปกในก็มีรูปประกอบความคิดของแต่ละเพลงกำกับไล่ไปตั้งแต่เพลงเปิดตัว “Dead Inside” เพลงร็อกโจ๊ะๆ ที่มาในแนวอิเลคทรอนิคร็อกร่วมสมัย ดนตรีฟังสบายแต่เนื้อหาไม่สบายไปด้วย เพราะคร่ำครวญถึงภายในอันตายด้านเปราะบางของพวกเขา 

 

 

จากนั้นเป็นแทรคที่สอง “Drill Sergeant” กับเสียงพูดสับสนโยงเข้าสู่เพลง “Psycho” เพลงร็อกมันๆมาในทางเฮฟวี่เมทัลมีริฟฟ์กีตาร์เสียงแน่นเป็นโครงสร้างหลักของเพลง พร้อมกับมีเสียงพูดอันสับสนที่ต่อเนื่องจากแทรคที่สองเข้ามาผสมสื่อถึงคอนเซ็ปต์ของอัลบั้ม
 

ถัดมาเป็น “Mercy” มีเสียงเปียโนพริ้วพรายเล่นนำมา เพลงนี้เป็นป็อบร็อกท่วงทำนองติดหู ดนตรีเท่เป็นตัวตนของวงมิวส์
 

ส่วน “Reapers” ขึ้นต้นมาด้วยโซโลกีตาร์ลูกอาเปจิโอ แหม...พี่เบลลามีพวกเล่นอย่างกับกีตาร์ฮีโร่ ดนตรีอยู่ในโครงสร้างของเฮฟวี่เมทัลมีลูกริฟฟ์เป็นตัวเดินเรื่อง แต่ก็ใส่สีสันของซาวดน์อิเทคทรอนิคสมัยใหม่เข้ามา กีตาร์โชว์ฝีมือได้โฉบเฉี่ยวทีเดียว
 

“The Handler” อีกหนึ่งเพลงที่ตัดเป็นซิงเกิ้ลออกมา เป็นร็อกมันๆซาวนด์ดนตรีอลังการทีเดียว พี่เบลลามียังคงโชว์ฝีมือนำทางดนตรีคลาสสิกมาผสมอย่างกับพวกกีตาร์ฮีโร่(อีกแล้ว)
 

แล้วก็เป็นแทรคเสียงพูดใน “JFK” นำส่งเข้าสู่เพลง “Defector” ร็อกดุๆกับเสียงประสานในทางโอเปร่าคล้ายวงควีน

 

 

ต่อมาเป็น “Revolt” กับเพลงเท่ๆ มีการสลับ 2 พาร์ทหลักปานกลาง-เร็ว ในตัวเพลงกับเมโลดี้ฟังติดหูง่าย ส่วน “Aftermath” มากับความไพเราะ เนิบช้า ล่องลอย แต่ฟังมีพลัง ก่อนจะต่ออารมณ์กันด้วย “The Globalist” กับบทเพลงความยาว 10.07 นาที ขึ้นต้นมาด้วยคีย์บอร์ดซาวนด์ล่องลอย มีเสียงสไลด์กีตาร์หวานๆชวนให้นึกถึงสุดยอดวงพร็อกร็อกอย่าง “พิงก์ ฟลอยด์”(Pink Floyd) พอสมควร

 

แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่กลิ่นเท่านั้น เพราะมิวส์ได้นำเสนอความเป็นตัวตนของพวกเขาผ่านดนตรีที่หวานพลิ้ว เสียงเปียโนไพเราะจับใจ ขณะที่ช่วงกลางเพลงนั้นสลับอารมณ์ด้วย ดนตรีดุๆจากเสียงกีตาร์โซโลดิบหยาบ แล้วนำกลับมาสู่ความหวานไพเราะเพราะพริ้งอีกครั้ง เป็นดังมหากาพย์อันลุ่มลึกละเมียดละไม ซึ่งผมยกให้เป็นบทเพลงสุดยอดของอัลบั้มเลยทีเดียว
 

มาถึง “Drones” บทเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม เป็นเพลงประสานเสียงแนวเพลงสวดที่มาแบบนุ่มเนิบ ส่งท้ายอัลบั้มชุดนี้ที่ภาคดนตรียังคงมีความหลากหลาย

 

 

ขณะที่ส่วนที่เด่นขึ้นมาก็เห็นจะเป็นซาวนด์ที่หนักดุกร้าวขึ้นแบบเฮฟวี่เมทัลที่ปรากฏในหลายเพลง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงไว้ซึ่งความสวยงามของท่วงทำนอง และการผสมความต่างเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างกลมกลืน น่าฟัง ผ่านฝีมือทีมเวิร์คของสามประสานอันแน่นปึ้ก

 

นับได้ว่าชุด“โดรน” เป็นอัลบั้มที่ฟังแล้ว “โดน”ไม่น้อย กับงานเพลงเนื้อหาเข้มข้น ภาคดนตรีมีเสน่ห์สวยงาม ฟังล้ำ และมีความชัดเจนในแนวทางของตัวเอง ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่วงมิวส์ยังคงสร้างสรรค์ผลงานดนตรีมีคุณภาพเหมือนเช่นเคย

 

ขอบคุณ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ และ บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)