Muse
(Photo credit : Musenewses)
Muse วงดนตรีร็อคสัญชาติอังกฤษที่โด่งดังในเรื่องการทำดนตรีสุดเจ๋ง เพลงแต่ละเพลงของ Muse ผ่านการกลั่นกรองออกมาอย่างมีชั้นเชิง ดนตรีในแต่ละเพลงพร้อมกระชากอารมณ์ให้คุณรู้สึกตามไปกับพวกเขา แม้กระทั่งเพลงรักในแบบดนตรีร็อคก็ทำออกมาได้อย่างประณีตงดงามชวนประทับใจ หากคุณเริ่มรู้สึกเบื่อเพลงรักทั่วไปแล้ว ลองเปลี่ยนมาฟังเพลงรักฉบับร็อคๆจาก Muse ที่รับรองว่าคุณจะต้องตกหลุมรัก เพราะความร็อคจะทำให้เพลงรักซาบซ่านทุกอณูโสตประสาท! ขอเชิญเสพกันเลยที่นี่!
Undisclosed Desires
แน่นอนว่าบางทีความรักก็มาพร้อมกับความลับ! เพลงนี้เป็นเรื่องราวของผู้ชายที่หลงรักผู้หญิงคนหนึ่งที่สร้างกำแพงเพราะความเจ็บปวดในอดีตเพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลับไปรู้สึกเช่นนั้นอีก แต่เขาสามารถมองเห็นถึงตัวตนที่อยู่ใต้หน้ากากของเธอได้ เขาเข้าใจเธอดีและอยากจะช่วยให้เธอพบกับความสุขจากความรักอีกครั้ง ด้วยทำนองแบ็คกราวด์โดดเด่นของเพลงนี้ทำให้ติดหูคนฟังได้ไม่ยากลองฟังกันดู
Madness
"I can't get these memories out of my mind, And some kind of madness has started to evolve.”
- ฉันไม่สามารถหยุดคิดเรื่องนี้ได้ ความบ้าคลั่งบางอย่างกำลังจะเริ่มเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ”
แค่ขึ้นต้นเพลงมาก็รู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในความรักครั้งนี้ซะแล้ว! เพลงบัลลาดอิเล็กทรอนิกส์ ดนตรีเนิบๆแต่ซึมลึกนี้จะทำให้คุณรู้สึกได้ถึงพายุที่กำลังก่อตัวในความรัก แรงบันดาลใจของเพลงนี้มาจากความสัมพันธ์ระหว่างแมตท์กับอดีตแฟนสาว เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า เขียนเพลงนี้ขึ้นตอนที่ทะเลาะกับเธอ และเธอหนีไปอยู่กับแม่ ก่อนที่เขาจะคิดได้ว่าตัวเองมีส่วนผิดในการกระทำครั้งนี้
Neutron Star Collision (Love is Forever)
เป็นเพลงหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงพลังของความรัก เสียงเปียโนทำนองคลาสสิคที่แมตท์บรรเลงแทรกเข้าไปในเพลงสร้างความโรแมนติกในสไตล์ร็อคๆได้อย่างลงตัวที่สุด! แมตท์เคยให้สัมภาษณ์กับรายการวิทยุ BBC Radio One ว่า เขาเขียนเพลงนี้ขึ้นหลังจากเขาเลิกกับแฟนสาวที่คบกันมายาวนาน เขาได้อิงกับความรู้สึกของตัวเองในช่วงที่เริ่มต้นคบกัน นอกจากนี้รู้หรือไม่ว่า เพลงนี้เป็นเพลงประกอบหลักของภาพยนตร์แวมไพร์ The Twilight Saga: Eclipse โดย Stephanie Meyer นักเขียนนิยายแวมไพร์เรื่องนี้เป็นแฟนตัวยงของ Muse ด้วยล่ะ
Starlight
เมื่อมีรักก็ย่อมมีหวัง! เพลงร็อคฟังง่ายเพลงนี้สนับสนุนให้คนฟังก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่มืดมนไปให้ได้ โดยเชื่อว่าแสงดาวที่ปลายอุโมงค์คือทางออกของความเศร้าและความเจ็บปวด แต่ระหว่างที่พยายามจะไปให้ถึงจุดนั้นก็เป็นธรรมดาที่บางครั้งก็คิดจะยอมแพ้และสงสัยว่ามันคุ้มค่าหรือเปล่า แมตท์เผยว่า "คุณจะรู้สึกเหมือนถูกตัดขาดจากตัวตนของตัวเองเมื่อคุณอยู่บนถนนนานเกินไป เพราะเวลาที่คุณอยู่บนถนนนานๆคุณจะเกิดคำถามประมาณว่า 'นี่ฉันกำลังไปไหน' มันมีรสเลี่ยนๆแบบนั้น แต่มันมาจากการเปิดอกและจิตใจที่ซื่อสัตย์อย่างแท้จริง"
Time Is Running Out
เพลงเริ่มต้นด้วยทำนองที่สร้างความรู้สึกคลุมเครือก่อนที่จะไปถึงจุดระเบิดตรงกลางเพลง ด้านเนื้อเพลงก็สามารถแปลความได้หลายแง่ แต่ถ้าพูดในแง่ของความรักก็คงเป็นเพลงรักอกหักปนคับแค้นใจภายใต้เรื่องราวความลุ่มหลงของชายคนหนึ่งต่อหญิงสาว เขาพยายามหักห้ามใจแต่เป็นไปได้ยาก เพราะเขาได้ติดกับเธอไปแล้ว!
Falling Away With You
เพลงบัลลาดสุขปนเศร้า เริ่มต้นด้วยเสียงกีต้าร์เบาๆที่ค่อยๆเพิ่มระดับความร็อคขึ้นเรื่อยๆ เพลงนี้พูดถึงความสัมพันธ์ยาวนานที่ไม่เชิงว่าจบเสียทีเดียว เพียงแต่เปลี่ยนไปเป็นรูปแบบอื่น คนสองคนหันกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ด้วยความรู้สึกที่โตขึ้น มีความคิดที่ก้าวหน้าขึ้น และรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ แม้จะสูญเสียความรักที่เคยมี แต่ก็เลือกที่จะเก็บส่วนที่คงอยู่ไว้ ซึ่งเป็นทั้งเรื่องสุขและเศร้าในเวลาเดียวกัน
สุดท้ายนี้ มีความพิเศษมากๆเมื่อ Muse เลือก Can’t Take My Eye Off You มาคัฟเวอร์ในสไตล์ร็อคๆ พร้อมใส่ท่อนโซโล่กีต้าร์กระแทกใจ เขาได้เปลี่ยนเพลงรักหวานๆสุดคลาสสิคให้มันส์ไปอีกแบบ! ควรค่าแก่การชมสุดๆ
วันที่ 23 กันยายนนี้จะเป็นครั้งแรกที่ Muse สุดยอดวงดนตรีร็อคระดับโลกจะเดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบที่เมืองไทย แฟนๆชาวไทยอย่าพลาดไปร่วมระเบิดความมันส์กับ “มิวส์ ไลฟ์ อิน แบงค็อก 2015” (MUSE Live in Bangkok 2015) ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี สามารถหาซื้อบัตรได้แล้วที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา และผ่านทางเว็บไซต์ www.thaiticketmajor.com หรือโทร 0-2262-3838
ขอบคุณข้อมูลเพลงจาก musewiki.org และวิดีโอจาก YouTube : Muse, Chef Excellence, cocoao19