Tor Saksit

Biography

ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร หรือ “โต๋” เกิดเมื่อวันที่ 20 มกราคม เขาเป็นบุตรชายของนคร เวชสุภาพร หัวหน้าวงแกรนด์เอ๊กซ์ วงดนตรีป๊อบร็อคขวัญใจคนไทยในยุคสามสิบปีที่แล้ว โต๋ เติบโตขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเสียงเพลงและการเล่นดนตรี แน่นอนว่าเขาย่อมมีพ่อเป็นศิลปินต้นแบบที่เห็นมาตั้งแต่จำความได้ ด้วยเหตุนั้น, โดยปราศจากการครอบงำ เด็กชายศักดิ์สิทธิ์จึงค่อยซึมซับความเป็นศิลปินมาจากพ่อของเขาที่เคยเป็นถึงขวัญใจวัยรุ่นมาแบบไม่รู้ตัว

เขาเริ่มหัดเปียโนตั้งแต่อายุ 3 ขวบ และอยู่กับดนตรีมาตั้งแต่วันนั้น ความสามารถทางการเล่นเปียโนของเขาโดดเด่นจนถึงขั้นที่ริชาร์ด เคลย์เดอร์มอง (Richard Clayderman) นักเปียโนระดับโลกส่งเทียบเชิญเขาร่วมเล่นเปียโนบนเวทีคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเป็นเวทีที่ทำให้เขาฉายแววของการเป็นศิลปินที่โดดเด่นจนทำให้บอย โกสิยพงษ์ ศิลปิน-โปรดิวเซอร์ ผู้ก่อตั้งค่ายเพลงเบเกอรี่ มิวสิค ติดต่อเขามาร่วมงานในโปรเจ็กต์ดนตรีที่ชื่อ B-5 ร่วมกับศิลปินหน้าใหม่อีก 4 คนเพื่อออกอัลบั้ม “Event” และเริ่มเป็นที่จับตามองนับตั้งแต่ตอนนั้น ด้วยการออกอัลบั้มพิเศษต่างๆ รวมถึงอัลบั้มเดี่ยวอย่างเป็นทางการชุดแรก “Tor+ Living in C Major” ในปี 2550 ที่มีเพลงฮิตอย่าง “รักเธอ”

ปี 2551 โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ได้รับรางวัล “Thailand Favorite Artist” จากงาน เอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส 2008 ที่จัดขึ้นที่เก็นติ้ง ประเทศมาเลเซีย หลังจากนั้นเขาปล่อยเพลงซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้ม “มั้ง?” จากอัลบั้มชุดที่ 2 “โต๋ (มั้ง?)” ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จากศิลปินหนุ่มขวัญใจวัยรุ่นเมื่อออกอัลบั้มแรก วันนี้เขาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กอยากเล่นดนตรี เป็นที่ใฝ่ฝันของเด็กวัยรุ่นด้วยรูปลักษณ์สะอาดน่ามอง ขณะเดียวกันก็เป็นเด็กที่น่ารักของผู้หลักผู้ใหญ่ กล่าวได้ว่า โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ได้กลายเป็นขวัญใจผู้ฟังทุกเพศทุกวัยทั่วประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาปลาบปลื้มใจ แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่เขาต้องการ

หลังจากนั้น ในปี 2553 – 2554 เขามีผลงานเพลงไทยออกมาอีก 2 ชุดคือ “Piano & I Part III : Yesterday & Everyday” และ “Where Is Love” อันเป็นผลพวงของการได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไต้หวัน

ปี 2561 โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ กลับมาสร้างผลงานเพลงดีๆอีกครั้ง โดยหอบเอามวลความสุขก้อนโตมาให้แฟนเพลง พร้อมย้ำวิถีคนสุขฉบับโต๋ ด้วยการส่งซิงเกิ้ลแรก  “ยิ้มก็พอ” เพลงรักอารมณ์สนุกที่จะมาปลุกรอยยิ้มให้เกิดขึ้นทุกวัน

หลังจากเปิดภาพลักษณ์คูลๆในสไตล์หนุ่มขี้เล่น อารมณ์ดี จากอัลบั้ม “Chapter I” ไปแล้วชุดก่อน  โดยฝีมือของ  Charles Fisher โปรดิวเซอร์ชาวออสเตรเลีย ผู้เข้ามาทำหน้าที่ปลดล็อคคำว่า The Musician ที่โต๋แบกไว้มาหลายปีให้คลายลง พร้อมละเลงโทนใหม่ๆเข้าไปในพาร์ทดนตรี ให้ซาวนด์มีลูกเล่นที่สนุกสนาน บวกเข้ากับประสบการณ์ที่เติบโต  จนเกิดเป็นสีสันใหม่ๆ ที่ให้ความเปลี่ยนแปลงทั้ง แนวคิด ชีวิต และการทำงานในเวลาต่อมา

“ความสุขจากการให้โดยที่ไม่หวังอะไรตอบแทน” คือแก่นแนวคิดหลัก ที่โต๋ใช้นำทางตัวเอง หลังผ่านกระบวนการทำงานมาหลายหลาก ไม่ว่าจะเป็นงานแสดงละครเวทีเรื่อง “ลมหายใจ เดอะ มิวสิคัล”  ประตูด่านแรก ที่ทำให้โต๋ก้าวขาออกมายืนนอกกรอบของตัวเองได้สำเร็จ จากนั้นได้เริ่มออกค้นหาความสามารถในมุมใหม่ของตัวเองในเส้นทางที่ไกลขึ้น ด้วยการเข้าแข่งขันในรายการ “หน้ากากนักร้อง : The Mask Singer”  กับคาแร็คเตอร์ทะเล้นและยียวนของ  “หน้ากากไก่ฟ้า”  จนกลายเป็นคาแร็คเตอร์ที่ทำให้คนเข้าถึงและทำความรู้จักตัวตนของโต๋ในมุมที่ลึกขึ้น

รวมถึงสไตล์การร้องเพลง ก็ได้ฉีกแนวออกไปจากสิ่งที่เคยเป็น  ยิ่งทำให้ภาพการเป็นเอ็นเทอร์เทนเนอร์ฉายแววออกมาเด่นชัด  และยังมีก้าวที่ได้ทำต่อเนื่องไปอีกหลายก้าว ไม่ว่าจะเป็น การเข้าไปนั่งเป็นคอมเม้นต์เตเตอร์ หรือเป็นคณะกรรมการในการรายการ “I Can See Your Voice”, “Super 60+” และ “The X Factor Thailand” ล่าสุดโต๋ยังรับบทบาทงานแสดงละครทางโทรทัศน์อีกด้วย เหล่านี้ล้วนเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ความสามารถที่เพิ่มขึ้นในแต่ละก้าว ทำให้โต๋สมารถสร้างพื้นที่ในวงการบันเทิงในฐานะ Pop Star ได้อย่างแข็งแรง

ShareShare on FacebookShare on Google+Tweet about this on TwitterEmail this to someone