วันนี้เวลา 15.30 น. ณ โรงแรมเซนทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว ทีมมังกรไฟ บีอีซี – เทโร ศาสน     โดย มร.ไบรอัน แอล มาร์การ์ ประธานสโมสร จัดงานแถลงข่าวการลงนามร่วมมือระหว่าง สโมสรบีอีซี-เทโร ศาสน และสโมสรครูเซโร่ เอสปอร์ต คลับ ทีมสโมสรฟุตบอลชั้นนำจากประเทศบราซิล เพื่อพัฒนาศักยภาพของนักเตะภายในสังกัดร่วมกัน พร้อมกันนี้สโมสรบีอีซี – เทโร ศาสน ได้เปิดตัว “อัฟราม แกรนท์” อดีตกุนซือทีมเชลซี ดึงตัวมานั่งในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค ของสโมสร บีอีซี – เทโร ศาสน เป้าหมายพัฒนาศักยภาพของทีมให้แข็งแกร่ง

การลงนามสัญญาในการพัฒนานักเตะในครั้งนี้ของสโมสร บีอีซี-เทโร ศาสน และสโมสรครูเซโร่ เอสปอร์ต คลับ มีระยะเวลา 5 ปี โดยจะมีการแลกเปลี่ยนตัวผู้ฝึกสอน ผู้เล่น รวมถึงความรู้ทางเทคนิคการเล่นฟุตบอลบอล โดยเป้าหมายหลักคือพัฒนานักเตะเยาวชนที่มีความสามารถเพื่อต่อยอดให้ทั้ง 2 สโมสรสร้างผลงานในระดับนานาชาติ

โดย สโมสร ครูเซโร่ เอสปอร์ต คลับ จะส่งนักเตะจำนวน 2 - 3 คน ที่มีฝีเท้าดีให้เข้าร่วมฝึกฝนและเล่นให้กับทีมมังกรไฟ ในไทยพรีเมียร์ลีก และนอกจากนี้ ผู้เล่นทีมเยาวชนจากบีอีซี-เทโร ศาสน จะได้เข้าร่วมกับทีมครูเซโร่ ในการแข่งขันรายการระดับเยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปี ทุกเดือนธันวาคม ณ ประเทศบราซิล

            สโมสรบีอีซี-เทโร ศาสน และสโมสรครูเซโร่ เอสปอร์ต คลับ ต่างมีความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยทั้ง 2 สโมสรยังคงรักษาตำแหน่งทีมแนวหน้าในการแข่งขันระดับชาติได้ ทางสโมสรบีอีซี-เทโร ศาสน สามารถครองตำแหน่งแชมป์ระดับชาติ 2 ครั้งและรองชนะเลิศจากการแข่งขันเอเอฟซี แชมป์เปี้ยนชิพ ในปี พ.ศ. 2546 กล่าวได้ว่าเป็นทีมเดียวจากประเทศไทยที่สามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศรายการเอเอฟซี แชมป์เปี้ยนชิพได้ ส่วนทางสโมสรครูเซโร่ ดีกรีเป็นถึงแชมป์บราซิล ตลอด 3 ฤดูกาล และเป็นแชมป์รายการชั้นนำอย่างลีกรัฐมินาสเจรายส์มากถึง 36 ครั้งอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ โดยทีมครูเซโร่เคยมีอดีตซูเปอร์สตาร์แข้งทองอย่าง “เหยินใหญ่” โรนัลโด้ 

            ความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์เพื่อวงการฟุตบอลครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมๆกับการประกาศนโยบายชูประเทศไทยเป็นประเทศท่องเที่ยวด้านกีฬาชั้นนำในอาเซียน โดย คุณ กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา

มร. ไบรอัน แอล มาร์การ์ ประธานสโมสร บีอีซี – เทโร ศาสน กล่าวว่า “นี่คือการพัฒนาใหม่ที่น่าตื่นเต้นของทั้ง2สโมสร ซึ่งจะนำพาไปสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาผู้เล่น นับเป็นความตั้งใจที่สร้างการร่วมมือกันกับบราซิลเพื่อช่วยผลักดันและให้โอกาสนักเตะไทยให้ได้สัมผัสการแข่งขันในระดับสูงและเรียนรู้จากสโมสรในตำนานอย่าง ครูเซโร่ เอสปอร์ต คลับและในทุกๆปี เราส่งนักเตะรุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปีเพื่อเข้าร่วมแข่งขัน ณ ประเทศบราซิล    ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักเตะเยาวชน”

            มร.จิวาน ดี ปินโญ่ ตาวาเรส ประธานสโมสรครูเซโร่ เอสปอร์ต คลับ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “สโมสรครูเซโร่          เอสปอร์ต คลับ มีความสุขมากกับความสำเร็จที่รับตลอดระยะเวลาหลายๆปีที่บราซิล และในครั้งนี้ก็มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะมีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดโอกาสให้กับทีมอื่นๆในประเทศต่างๆ นับเป็นเกียรติอย่างสูงที่เราจะได้ร่วมงานที่ประเทศไทยไปพร้อมกับสโมสรที่น่าเชื่อถืออย่าง บีอีซี-เทโร ศาสน”

          โดยหลังจากจบพิธีการลงนามสัญญา ทางสโมสร บีอีซี – เทโร ศาสน ได้เปิดตัว “อัฟราม แกรนท์” อดีตยอด    กุนซือทีมเชลซี ซึ่งจะมานั่งในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของทีม หลังจากทางบีอีซี – เทโร ศาสน ได้เคยสร้างความฮือฮามาแล้วเมื่อ 2 ปีก่อนในการเชิญ สเวน โกรัน อีริคสัน อดีตกุนซือทีมสิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษ มานั่งในตำแหน่งเดียวกันนี้  

            ด้าน โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ ผู้จัดการทั่วไปของสโมสร บีอีซี – เทโร ศาสน เผยว่า “อัฟราม แกรนท์                จะรับผิดชอบหลักในการพัฒนาเทคนิคด้านฟุตบอลของสโมสร นอกจากนี้จะยังทำหน้าที่คุมนักเตะ “มังกรไฟ”     ลงซ้อมเพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถของนักฟุตบอล โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาสู่เป็นเลิศในวงการฟุตบอลของไทย ซึ่งเชื่อมั่นได้ว่านักเตะในทีมทุกคนจะมีแรงจูงใจที่จะเรียนรู้จากกุนซือระดับโลกรายนี้อย่างแน่นอน ส่วนด้านการคุมทีมและการแก้เกมในการแข่งขันทุกๆนัดนั้น มร.อัฟราม แกรนท์ จะร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้จัดการทั่วไปและสต๊าฟโค้ชของสโมสร นอกเหนือจากการพัฒนาเทคนิคด้านฟุตบอลของสโมสรแล้ว การตกลงเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการด้านเทคนิคของ อัฟราม แกรนท์ในครั้งนี้ จะทำให้ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ลีกฟุตบอลระดับสูงสุดของเมืองไทย จะได้รับการจับตาจากสื่อในระดับนานาชาติและจะเป็นที่รู้จักในระดับโลกอย่างแน่นอน”

ประวัติสโมสรครูเซโร่

          สโมสรครูเซโร่ก่อตั้งขึ้นในปี 1921 สโมสรครูเซโร่เป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรวมไปถึงในสโมสรฟุตบอลของบราซิลด้วย สโมสรตั้งอยู่ในเมืองเบโลโอรีซอนชีและได้ทำการเข้าแข่งขันในรัฐมีนัสเชไรส์ เมืองพรีเมียร์ลีกอย่าง Campeonato Mineiro รวมทั้งใน Brasileirão ที่ถือว่าเป็นระดับสูงสุดของฟุตบอลลีกแห่งบราซิลเลยที่เดียว

            ครูเซโร่ครองแชมป์ของบราซิลและใน Mineiro ในฤดูกาลปัจจุบันที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ในอันดับต้นๆของพรีเมียร์ชิพ ครูเซโร่ซึ่งมีคะแนนต่างจากคู่แข่งที่ใกล้ที่สุดของพวกเขาเพียงเจ็ดคะแนนเท่านั้น

            ครูเซโร่เป็นหนึ่งในห้าสโมสรของบราซิลที่ไม่เคยตกออกจากลำดับในลีกแห่งชาติของBrasileirãoเลย และทางสโมสรได้ครองแชมป์แห่งชาติทั้งหมด สามสมัย: ปี1966, ปี 2003 และปี 2013 ครูเซโร่ยังได้รับสี่รางวัลของ Copa de Brasil เช่นเดียวกับแชมป์ที่ตื่นตาตื่นใจ 36 Campeonato Mineiro  และในปี 2003 พวกเขากลายเป็นสโมสรบราซิลสโมสรเดียวเท่านั้นที่ชนะในรายการ “Domestic Treble”, Campeonato Mineiro, Copa de Brasil และ Brasileirão นี้

สโมสรครูเซโร่ได้ลงแข่งขัน เล่นเกมในบ้านที่สนามกีฬาEstádio Governador Magalhães Pinto ซึ่งเป็นสนามที่สามารถจุผู้ชมกว่า 64,500 คน

            Gilvan de Pinho Tavares เป็นประธานของสโมสรและหัวหน้าโค้ชของทีมคือ Marcelo de Oliveira Santos.

ประวัติสโมสรบีอีซี - เทโร ศาสน

            สโมสรฟุตบอล บีอีซี-เทโร ศาสน  หรือ  “ทีมมังกรไฟ” ได้เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2535 เดิมเรียกกันในนามทีม โรงเรียน ศาสนวิทยา ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 มร.ไบรอัน แอล. มาร์การ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (ในขณะนั้น) ได้ร่วมทีมกันระหว่าง โรงเรียนศาสนวิทยา  กับ  บริษัท เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด  โดยใช้ชื่อทีมว่า  สโมสรฟุตบอลเทโร ศาสน อีก2ปีต่อมาการก่อตั้งบริษัท บีอีซี-เทโรฯ ได้เข้ามาสนับสนุนทีมสโมสรฟุตบอลเทโร ศาสน และก็ได้เปลี่ยนชื่อสโมสรฯ  เป็น  สโมสรฟุตบอล บีอีซี-เทโร ศาสน และได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก

            ทางสโมสรได้สร้างประวัติศาสตร์ผนึกกำลังพันธมิตรทางฟุตบอลทั้งนี้ ก็เพื่อที่จะช่วยกันยกระดับมาตรฐานการเล่นฟุตบอลของไทย และในขณะเดียวกันก็ช่วยกันสร้างชื่อเสียงของสโมสรที่รวมนักแตะชื่อดังจากต่างประเทศอีกมากมาย ด้วยการสร้างสัมพันธ์ที่ดีจากนักเตะที่สุขุมและเพรียบพร้อมทำให้ สโมสรฟุตบอล บีอีซี-เทโร ศาสน ได้มีแฟนบอลทั่วประเทศเป็นจำนวนมากและมีชื่อเสียงโด่งดังในไทยพรีเมียร์ลีกจนถึงทุกวันนี้

            สโมสรสร้างเกียรติประวัติที่สูงสุดได้สำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก ในปี 2543 และปี 2544ทำให้เป็นแชมป์ 2 สมัยซ้อน รวมทั้งการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศถ้วยเอเชียในปี 2543 และเอเอฟซีแชมเปี้ยนลีกรอบสุดท้ายในปี 2546 จนถึงวันนี้ บริษัท บีอีซี-เทโร ศาสนยังเป็นเพียงทีมไทยทีมเดียวที่ได้มาถึงเอเอฟซีแชมเปี้ยนลีกรอบชิงชนะเลิศ

            ในปี 2556 สโมสรได้ฉลองครบรอบ 15 ปีได้ย้ายสนามเหย้าแข่งขันจากสนามเทพหัสดิน โยกไปปักหลักย่านเดิมแถวชานเมืองกรุงเทพตะวันออก ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เขตมีนบุรี

            โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่า บีอีซี-เทโรศาสนเป็นหนึ่งในสุดยอดสโมสรฟุตบอลของไทยตลอดกาล และยังคงเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำในยุคใหม่ในไทยพรีเมียร์ลีกและเป็นทีมเดียวที่จะยังคงอยู่ในวงการฟุตบอล และเป็นทีมเดียวที่ได้คงอยู่ตั้งแต่การก่อตั้งในปี 2539