เกาะกระแสโอลิมปิก จากเส้นทางนักกีฬา.....สู่เวทีนางงาม

Date:  15/08/2016   |   View:  3,104

              เก็บตกเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับกีฬา จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์มีนักกีฬาหญิงเทควันโดทีมชาติไทยที่สามารถคว้า “มงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์” มาครองได้แล้ว หลายคนคงไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นไปได้ยังไง เพราะเส้นทางนักกีฬากับเส้นทางนางงามดูจะตรงข้ามกัน แต่น้องวิว-พงศ์ชนก กันกลับ มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2009 ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอทำได้  หลายคนที่เป็นนักกีฬาก็มีสิทธิ์ทำได้เช่นกัน ไปดูที่มากันว่าสาวน้อยคนนี้จากวงการกีฬาอายุเพียง 18 ปี เข้ามาวงการนางงามได้อย่างไร?

เริ่มเล่นเทควันโด

              วิวเริ่มเล่นมาตั้งแต่อายุ 12 ปีค่ะ แล้วติดทีมชาติตอนอายุ 17 ค่ะ ก่อนหน้านั้นตอนอายุ 9 ขวบ เล่นวอลเล่ย์บอลค่ะ  ตั้งแต่ประถมเลย ป.3 ป.4ค่ะ

รู้ตัวว่าชอบเทควันโด

              รู้ตัวตอนอายุ 12 ค่ะ ตอนเข้า ม.1 เพราะตอนเข้าไปจะมีให้เลือกชมรมเป็นกีฬา ว่าจะเล่นมวยไทย จะเล่นแบด ซึ่งเราก็ไปอยู่โซนกีฬาอยู่แล้ว และจะมีส่วนของวิชาการ ซึ่งวิวไม่เอา ไม่ชอบวิชาการเท่าไหร่  เลยเลือกเล่นกีฬา ลองตีแบดก็แล้ว รู้สึกว่ามันไม่ใช่ เลยลองไปเล่นเทควันโดดู  ใช้เวลาซ้อมอาทิตย์ละวัน วันละประมาณ ชั่วโมงนิดๆ  ก็เลยเริ่มชอบ ชุดมันเท่ด้วย ชอบเตะกับเพื่อนด้วย

เข้าสู่วงการกีฬา

              เริ่มจากคุณพ่อค่ะ เพราะคุณพ่อชอบเตะฟุตบอล ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับเทควันโด (หัวเราะ) เวลาพ่อไปเตะฟุตบอลก็จะพาเราไปวิ่งด้วย พาออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก เท่าที่จำความได้ เราก็รู้สึกว่าเล่นกีฬาแล้วสนุก ชอบ ก็เล่นมาตลอด  ตอนแรกก็เล่นวอลเล่ย์บอล ตอน ป.3 ตอนนั้นดำมาก จนแม่บอกเลิกเล่นเถอะ เพราะตากแดดเยอะค่ะ ตั้งแต่ ป.3  พอ ม.1 ก็เลิกเล่น แล้วไปเล่นเทควันโดแทน เพราะเป็นกีฬาในร่มด้วย

เริ่มเข้าทีมชาติ

            เริ่มแข่งตั้งแต่ 12 แล้วค่ะ ตั้งแต่สายขาว ความจริงสายขาวก็ไม่ได้ให้แข่งอะไร แต่หนูคิดว่า เราซ้อมมาแล้วก็ต้องลองดู  ช่วงนั้นเขาก็ไม่ได้ตรวจอะไรมาก เลยไปขอแลกสายกับเพื่อน ใส่สายเหลืองลง ตอนแรกเขาก็ไม่รู้ว่าเราสายอะไร เพราะไม่ได้ดูไอดีการ์ด  เขาแค่บอกว่า จะลงแข่งก็เสียเงินปกติ ก็ยืมสายเหลืองเพื่อนลง  แข่งแมตช์แรกก็แพ้คู่แรกค่ะ(หัวเราะ) ก็เป็นปกติของนักกีฬา  จากนั้นก็แข่งเรื่อยๆตั้งแต่อายุ 12 ก็แข่งภายในประเทศตลอด ไปแข่งชิงแชมป์ประเทศไทย แชมป์กรมพละด้วยค่ะ

รางวัลหรือตำแหน่งสูงสุด

            ถ้าเป็นของในประเทศไทยก็จะเป็นแชมป์ของกรมพละ ประมาณปี 2548 หรือ 49 ค่ะ  จำไม่ค่อยได้ค่ะ ซึ่งของกรมพละก็จะคล้ายๆ กับชิงแชมป์ประเทศไทย แข่งทั่วประเทศเหมือนกัน แต่ละจังหวัดเขาก็จะมาแข่งกัน โซนกรุงเทพ โซนนู้น โซนนี้ก็จะมารวมกันแข่งกัน วันนั้นแข่งประมาณ 4 คู่ หนูลงน้ำหนักไม่เกิน 49 โห เยอะนะคะ 4 คน แต่ก็ชนะหมดค่ะ แมตช์นั้นก็ได้เหรียญทอง และได้นักกีฬายอดเยี่ยมด้วย เพราะเตะได้คะแนนสูงสุดในรุ่น ตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 16 น้ำหนักมันจะแบ่งเป็นรุ่น ตั้งแต่ไม่เกิน 42, 49, 52, 59, 60 กว่าๆ และ 70 อัพ คะแนนรวมในรุ่นผู้หญิงเราเยอะสุดค่ะ ก็เลยได้รางวัลนั้นไปด้วยอันนี้คือภูมิใจที่สุดแล้ว

คัดตัวตอนทีมชาติ

ตอนทีมชาตินี่คัดตัวเป็นท่ารำค่ะ ตอนแรกก็จะลงต่อสู้แต่อาจารย์ก็เริ่มเห็นแววว่าเริ่มดูดี อาจารย์เลยบอกว่าให้ลองลงเป็นท่ารำดู เลยลงเป็นท่ารำตั้งแต่อายุ 17 แล้วไปคัดรอบแรกที่ กกท. หัวหมาก ที่สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย พอติดแล้วก็เข้าไปเก็บตัว อยู่ใน กกท.เป็นปีเลยค่ะ

ก้าวสู่วงการนางงาม

              ตอนนั้นเตรียมตัวจะไปแข่งซีเกมส์  แต่ก็ไปประกวดนางงามก่อน คือคัดตัวที่จะไปซีเกมส์ติดแล้ว ซึ่งตอนแรกที่มาสมัครมิสไทยแลนด์เวิลด์ก็ยังไม่ได้บอกสมาคม เพราะคิดว่าคงไม่ติด พอเข้ารอบลึกไปเรื่อยๆ เขาเลยรู้ว่า น้องวิวนักกีฬาเทควันโดมาประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์  ตอนแรกไม่กล้าบอกสมาคมค่ะ กลัวตกรอบ พอเข้ารอบ 25 คน ทางสมาคมก็ทราบ จนได้ตำแหน่งที่ 1 มา  เขาเลยบอกให้ไปประกวดนางงามก่อน เพราะมันก็มีแค่ปีเดียว แล้วก็กลับมา มาคัดซีเกมอีกรอบปี 2554 ไปแข่งที่อินโดนีเซีย  ตอนนั้นก็ได้ที่ 4 ค่ะ ทางสมาคมเขาก็รอเราอยู่

มาสมัครมิสไทยแลนด์เวิลด์

              ตอนแรกจะมีพี่คนนึงค่ะ จัดออแกไนซ์เกี่ยวกับเดินแบบ เขาเห็นว่าวิวเป็นนักกีฬา หน่วยก้านดี เขาก็ถาม ลองมาเดินแบบดูมั้ย ตอนแรกวิวก็แบบ เออ... ได้ค่าขนมเนอะ  ก็เลยลองไปเดินดู เขาก็ถามวิวว่าอยากลองสมัครมิสไทยแลนด์เวิลด์ดูมั้ย  วิวก็บอกไม่เอาๆ แม่ก็มาพูด แม่ก็อยากให้ลง บอกว่าลองลงดูสิลูก วิวก็บอกไม่เอา จนวันสุดท้ายเขาก็บอกลองมาดูว่าจะได้หรือไม่ได้  ด้วยความนิสัยที่วิวไม่ชอบประกวด เคยไปลองประกวดเวทีเล็กๆ กับคุณแม่ งานลอยกระทง นางสงกรานต์ 3-4 ครั้ง ตกรอบตลอด  ด้วยความที่เราเคยตกรอบมาแล้ว เราก็ไม่อยากประกวดอีก เพราะแต่ละคนที่มาประกวด เขาเป๊ะมากเลยค่ะ เราก็ไม่มีพื้นฐานอะไรด้านนี้เลย แล้วยิ่งมาเห็นเพื่อนๆ ก็คิดว่า ไม่น่าได้  ก็พูดกับแม่ว่าอย่าหวังเลย วิวเลยบอกแม่ว่าถ้าตกรอบอย่ามาว่ากันนะ  ตอนไปสมัครนี่ไม่ได้บอกพ่อ กลัวโดนพ่อว่า เพราะพ่อให้ซ้อมกีฬาอย่างเดียว พ่อชอบให้เล่นเทควันโด  พ่อบอกว่าไหนๆ ลูกก็ติดแล้ว ลูกอยากทำอะไรก็ปล่อยลูกเขาเถอะ อยากซ้อมก็ปล่อยเขา เพราะเขาก็จะแข่งสิ้นปีนี้แล้ว ประมาณสิงหา-กันยาค่ะ แม่อยากให้สมัครก็สมัคร เราก็เขียนไปว่าเป็นนักกีฬาทีมชาติแค่นี้ แล้วโชคดีที่พ่อเป็นช่างภาพอยู่แล้ว เราก็เลยไปหารูปที่พ่อเคยใส่ไว้ในอัลบั้มมาเป็นรูปชุดเทควันโดบ้าง ชุดนักศึกษาบ้างที่เราแนบมา พ่อเคยบอกให้ถ่ายไว้ เอาไว้เป็นโปรไฟล์ จากนั้นพี่เขาก็บอกว่า เดี๋ยวติดต่อกลับไปนะคะว่าเข้ารอบหรือไม่เข้ารอบ นึกในใจ ไม่เข้าหรอก เพราะแต่ละคนที่มาสมัคร โอ้โห สวยๆ ทั้งนั้น แต่ละคนเขามาพร้อมคะ แล้วสุดท้ายก็เข้ารอบตอนพี่เขาโทรมาบอก เราก็คิด เข้าตั้ง 500 กว่าคน มันจะได้ซักเท่าไรกันเชียว  วันนั้นก็ลงทุนค่ะแม่ก็พาไปแต่งหน้าทำผม เช่าเช่าชุด ได้มั้ยยังไม่รู้ เห็นคนอื่นเขาแต่งกัน  พี่ทีมงานเขาก็บอกต้องแต่งมานะลูก อย่ามาแบบเปลือยๆ วันนั้นก็แต่งไปเต็มที่เหมือนกัน พอไปถึงโอ้โห… แต่ละคน สูงๆ ขาวๆ  เราก็เข้ามานั่ง มาตั้งแต่ 8 โมงเช้า คัดทั้งวันเลยนะคะ ตอนประมาณเที่ยงๆ เขาก็เรียกเข้าห้องไปชั่งน้ำหนักส่วนสูง แล้วเขาก็จะถามว่า ใครเคยประกวดอะไรมาแล้วบ้าง วิวก็ไม่เคยประกวดอะไรมาเลย เคยประกวดมิสโฟโต้ฮัส เกี่ยวกับกล้องถ่ายรูป อันนั้นก็ได้ที่ 2  อันนั้นอันเดียวที่ได้รางวัล นอกนั้นตกหมด แล้วเขาก็ถามเป็นนักกีฬาอะไร แต่เขาก็ไม่ได้ในเตะโชว์อะไร เราแค่บอกว่าความสามารถพิเศษเราคืออะไร กว่าจะเสร็จก็เย็น แล้วเขาก็จะโทรมาบอกอีกทีว่าผ่านมั้ย แล้วก็ผ่านเข้าไปจนเหลือ 200 หรือ 300 คน แล้วก็มาคัดที่นี่ เขาก็ให้ใส่เสื้อสปนเซอร์นู่นนี่  วันนั้นก็มาที่ตึกช่อง 3 แต่เช้าเหมือนกัน  ตอนเข้ารอบ 500 คน คุณพ่อรู้ล่ะ แล้วก็มา 300 คน อันนี้พ่อมาส่งแล้วค่ะ แล้วเราก็เข้ารอบไป คุณแม่ก็มานั่งรอตั้งแต่เช้า เรารู้สึกว่าเข้าแค่นี้ก็พอใจล่ะ  เข้าแค่นี้ก็เยอะสำหรับเราแล้ว แม่ก็ตอบว่าเผื่อเข้ารอบ 25 คน เขาจะมีค่าขนมให้นะ ซึ่งตอนนั้นจะมีค่าน้ำมันให้ค่ะ แล้วก็มีค่านู่นนี่ให้อีก

เริ่มเข้ารอบ

              วันนั้นก็มีแสดงความสามารถพิเศษ คัดจาก 100 คน เหลือ 70 คน 70 เหลือ 50 ก็เข้าไปเรื่อยๆ ตอน 50 คนก็มีโชว์ความสามารถ บางคนก็ร้องเพลงบ้าง เต้นบ้าง วิวก็ เอาไงดี ตอนแรกวิวถือแผ่นไม้มาด้วย เอาไง ใครจะช่วยถือได้บ้าง ซึ่งไม่มีใครถือให้เลย จะเตะท่าโชว์เทควันโดคือเตะไม้ให้หัก แต่ไม่มีคนถือให้เรา สรุปวันนั้นก็ไม่ได้เตะแผ่นไม้ เราก็เก็บใส่กระเป๋า ก็คิดในใจว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรากระโดดเตะโชว์บนเวทีก็ได้ พอขึ้นไปบนเวทีก็บอกว่า ขออนุญาตถอดรองเท้าค่ะ แล้วก็เตะโชว์ทั้งกระโปรงนั่นแหละค่ะ แต่มีซับในนะคะ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงเนอะ ก็ความสามารถเราพิเศษ ก็กระโดดเตะ รำท่ารำเทควันโดอะไรอย่างนี้ค่ะ กรรมการก็ปรบมือให้ คงแปลกอะไรแบบนี้ (ผู้หญิงแข็งแกร่ง) วันนั้นเขาก็ประกาศ 25 คนสุดท้ายเลย แล้วเราก็เข้า ตอนแรกก็คิดในใจ เดี๋ยวเราก็ได้กลับบ้านล่ะๆ ประกาศไปเรื่อยๆ รายชื่อของวิวน่าจะเป็นกลางๆ  ประมาณเลขที่ 10 กว่า ก็เข้ารอบ พอเข้ารอบ เขาก็จะมีชุดราตรีให้ใส่ เราก็เขิน ไม่เคยใส่อ่ะ ส่วนใหญ่ประกวดเวทีข้างล่าง เราก็จะแต่งชุดไทย พอมาใสชุดราตรี เราก็รู้สึกว่าไม่มั่นใจ ก็ขึ้นไปจับได้หมายเลข 14 ก็เริ่มไปเก็บตัวที่เชียงใหม่ ทีมงานพาไปลุยป่า เราก็ชอบอยู่แล้วไงคะ เข้าทางเลย ให้ไปวิ่งแข่ง วิ่งเปรี้ยวกับเด็ก เล่นห่วงยาง เราชอบเลย ลุยๆ เราไปได้หมดเลย ช่างภาพก็จะบอกว่า น้องวิวทำเหมือนอยากทำออกมาจริงๆ ไม่ได้สร้างภาพ หนูก็บอก หนูชอบทำกิจกรรมแบบนี้ แต่ถ้าให้นั่งเย็บปักถักร้อยไม่ได้ มันไม่ใช่แนวของเรา แล้วพี่นักข่าวก็จะถามว่า ทำไมไม่แต่งหน้า เราก็ตอบว่าเราแต่งไม่เป็น แม่ก็ไม่ได้เตรียมอะไรให้เราเลย เพราะเราเป็นนักกีฬาไม่ต้องแต่งอะไรมากอยู่แล้ว เราก็ไม่รู้จักเครื่องสำอางอะไรซักอย่าง ถามแม่ แม่ก็ไม่ค่อยแต่งหน้า แม่บอกมาแค่ 2-3 อย่าง เราก็เอาไปแค่นั้น พอไปถึง แต่ละคน นางจัดขนตามาเต็ม เราก็ไม่มีก็แต่งแบบนี้ลงไป พี่นักข่าวก็บอกว่าวิวต้องแต่งมาหน่อยนะ เพราะคนดูเราเยอะ เราก็บอกว่าพี่ เอาจริงป่ะ วิวแต่งหน้าไม่เป็น ถ้าแต่งเป็นก็แต่งแล้ว  พอดีได้เพื่อนเมทเป็นพี่การ์ตูน พี่เขาเหมือนสงสารวิวบอกว่าน้องวิว พี่สอนให้ก็ได้ พี่มีเครื่องสำอาง พี่เขาให้หนูยืมด้วย มาๆ พี่สอน  พี่เขาให้วิวตื่นเช้า คือวิวเป็นตื่นเช้าอยู่แล้วค่ะ 6 โมงตื่นลงมาวิ่ง  ตื่นมาออกกำลังกายอยู่คนเดียว วิ่งเสร็จตอน 7 โมงก็ขึ้นอาบน้ำ พี่การ์ตูนก็น่ารักค่ะ ก็สอนลงรองพื้นก่อนนะ แล้วมาลงแป้งฝุ่น เขียนคิ้ว วิวคิดในใจ วิวขาดเครื่องสำอางหลายอย่างมากเลยอ่ะค่ะ แล้วน้องวิวก็ลงสีตานะ สีอ่อนที่หัวตานะ หางตาก็ลงกดๆ นิดนึง น้องวิวจะติดขนตามั้ย หนูก็บอกไม่เอาอ่ะ หนูรำคาญ หนูก็ไม่เคยติด เขียนคิ้วก็เขียนแบบน่าเกลียดมาก เราเขียนไม่เป็นไงคะ ก็เขียนแค่หางๆ ก็เริ่มแต่งหน้าเป็นตอนนั้น แต่ก็ยืมเครื่องสำอางเขาตลอด เพราะวิวไม่มี พอมาเก็บตัวที่กรุงเทพก็โชคดีหน่อยที่มีช่างแต่งหน้าทำผมให้ เขาก็บอกว่า พอแต่งก็ดูโอเคขึ้น พอแต่งออกมาแล้วก็เป็นอีกคนนึงเลย ดูเป็นสาวหวาน ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ใช่ (หัวเราะ) เราก็ไม่ต้องซีเรียส เพราะมีช่างแต่งให้ มีชุดให้พร้อม แม่ก็ถามเป็นยังไงบ้าง บางทีแม่ก็นั่งรถตู้จากบางเขนไปลาดพร้าว เพราะแม่ก็เป็นห่วง ซื้อหมูหย๋อง มาม่า โจ๊กซองมาให้ เราเลยบอกแม่มาเก็บตัวนางงาม ไม่ใช่เก็บตัวนักกีฬา แม่ก็ซื้อของกินมาให้เป็นห่วง เราเลยบอกว่า โรงแรมมีเลี้ยงอาหารญี่ปุ่น แม่ก็กลัวเรากินไม่ได้ เพราะเราชินกับอาหารญี่ปุ่น แม่ก็ซื้อตุนไว้ให้ สุดท้ายก็ไม่ได้กินค่ะ มาเก็บตัวที่กรุงเทพก็สนุกดี พอเก็บตัวมาได้ประมาณ 10 วันก็รอบ Final

รอบตัดสิน

              วันนั้นเขามีบัตรให้เข้าชมด้วย ก็มีพ่อแม่ ส่วนน้องสาวก็ไปเดินเล่นในห้างกับเพื่อนเขา เพราะไม่คิดว่าเราจะได้ แม่ก็แต่งตัวมา ไม่คิดว่าลูกสาวจะได้ ก็ใส่กางเกงยีนส์ ส้นสูงคู่นึง พ่อก็ใส่เสื้อเชิ้ต เขาก็จะไปกลมกลืนกับพี่สื่อมลชน เพราะรู้จักกันอยู่บ้างแล้วพ่อก็เตรียมเสื้งสูทมาตัวนึง ตอนประกาศจาก 25 คน เหลือ 10 คน ก็คิดในใจได้เงินขึ้นมาอีกนิดนึง จาก 10 ก็เหลือ 5 แล้วก็มาตอบคำถาม คิดเหมือนกันว่า เราจะตอบได้ดีมั้ย  ตอบให้ดีที่สุดก็แล้วกัน ผลจะออกมาเป็นยังไงก็ช่าง ทำให้มันเต็มที่ เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พอถึงตาเรา คำถามว่า ถ้าน้องวิวได้เป็นมิสไทยแลนด์เวิลด์ จะไปช่วยเด็กด้อยโอกาสถ้าสังคมอย่างไร เราก็ตอบตามที่เราไปทำกิจกรรมที่เชียงใหม่มาค่ะ วิวก็เห็นเด็กด้อยโอกาสมากมาย ก็ยกตัวอย่างให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือด้านเทคโนโลยี เครื่องเขียน อุปกรณ์การเรียน ก็ตอบตามที่เราเห็น พอตอบเสร็จเข้าก็มาประกาศรางวัลตั้งแต่ 5, 4, 3 พอเหลือ 2 คน คิดในใจ ได้ที่ 2 พี่คลาร่าก็บีบมือวิวแน่นมากเลย มือแทบแตกอ่ะ แล้วหายใจแรงมาก วิวก็หันไปบอก พี่ใจเย็นๆ คิดว่า พี่เขาต้องได้ เพราะพี่เขาอยู่ในวงการมานาน พอเขาประกาศ หมายเลข 14 ตอนแรกสะดุ้งก่อน ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ หันไปถามพี่คลาร่า น้องได้เหรอๆๆ พี่เขาก็บอก น้องได้ๆ เราเห็นพ่อกับแม่ น้ำตาไหลเลย เพราะคุณพ่อสนับสนุนเราด้านกีฬามาตลอด เราก็ทำได้ แล้วพอมาเจอคุณแม่อีก น้ำตาไหลพรากเลย คุณแม่บอกว่าตอนที่คุณแม่เห็นหนูได้สองรางวัลแรก คือนางงามรูปร่างดีและขวัญใจสื่อมวลชน แม่ก็หูอื้อล่ะ แม่ไม่คิดว่าลูกตัวเองก็ได้เกือบทุกรางวัลขนาดนี้ เพราะมันมี รางวัลผิวสวย รูปร่างดี ขวัญใจสื่อมวลชน และรางวัลที่ 1 วิวก็ควบไปสองล่ะ พี่คลาร่าได้ผิวสวย แล้วก็เหลือรางวัลที่ 1 พอประกาศ แม่บอก แม่เบลอไปหมดเลย พอเห็นหน้าแม่เท่านั้นแหละ น้ำตาไหลเลย บางทีเราดูนางงาม ร้องไห้ทำไมอ่ะ พอเป็นตัวเรา มันอัดอั้นอ่ะค่ะ ไม่คิดว่าเราจะทำได้ รู้สึกภูมิใจ สมองเบลอนะคะ แล้วไฟก็สาดมาที่หน้า แล้วเขาก็บอกว่า พอน้องวิวรับรางวัลเสร็จให้ลงไปที่ห้องสื่อมวลชน แล้วตอนที่มอบมงกุฎ เราไม่ได้ซ้อมเลยไง เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้ พอรับตำแหน่งเสร็จ คุณพ่อคุณแม่ก็ลงไปรอที่ห้องสื่อมวลชน แม่ก็น้ำตาคลอตลอด จะร้องไห้ค่ะ เขาไม่คิดว่า หนูจะทำได้ หนูก็ไม่คิดว่าหนูจะทำได้ค่ะ ตอบอะไรไม่ถูกเลย พี่นักข่าวถามแม่รู้สึกยังไง แม่ก็ตอบว่า ดีใจค่ะ ตอบแค่เนี้ยๆ พ่อก็ตอบ ดีใจครับ ส่วนเราก็ไม่ได้ฝึกตอบอะไรเลย เราก็ตอบว่า ดีใจที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจค่ะ

ตัดสินระหว่างไปซีเกมส์กับไปมิสเวิลด์

              พี่ๆ นักข่าวก็ถามว่า เรื่องกีฬาจะทำยังไงต่อ เราก็ตอบว่า เราจะทำหน้าที่ทั้งสองอย่างให้ดีที่สุด พี่เขาก็ถามอีกว่า สรุปน้องจะไปประกวดนางงามหรือจะแข่งกีฬา ตอนนั้นก็มีลังเลด้วยนะ เราก็ไม่รู้ด้วยไงว่า ถ้าเราไม่ไป สามารถให้ใครไปประกวดแทนได้รึป่าว เราก็ตอบด้วยความไม่รู้ว่า หนูก็คิดดูก่อนนะคะว่าหนูจะไปอันไหน แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจไปประกวดมิสเวิลด์ แล้วเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย เป็นมิส talent show เกี่ยวกับเทควันโด เราก็ไปโชว์เตะแผ่นไม้จนเข้ารอบถึง 10 คนก็โอเคแล้วค่ะ ตอนนั้นก็สนุกดีค่ะ

ประกวดมิสเวิลด์

              ตอนนั้นเขาพาไปเที่ยวเยอะค่ะ เพราะตอนนั้นครบรอบ 50 ปีมิสเวิลด์มั้งคะ เขาเลยพาไปอังกฤษก่อน อยู่ซักประมาณอาทิตย์นึง แล้วก็พาไปอาบูดาบี ดูไบค่ะ พาไปขี่อูฐอีกเกือบ 1 อาทิตย์ แล้วก็ไปแอฟริกาใต้อีกเดือนกว่า โห..... ลากกระเป๋าเหนื่อยเลยค่ะ เพราะเป็นนางงามต้องแต่งหน้าทำผมเองค่ะ แต่ก็สนุกดี เป็นประสบการณ์ที่หาจากที่ไหนไม่ได้ค่ะ

ไม่มีประสบการณ์แต่ก็เข้าสู้เส้นทางนางงามได้

              สำหรับบางคนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร อยากลองประสบการณ์ใหม่ๆ ก็มาที่เวทีนี้ได้ อย่างวิวก็เริ่มจากไม่เป็นอะไรเลย ก็มาเป็นที่เวทีนี้ เขาสอนทุกอย่าง ทั้งเรื่องบุคลิกภาพ การเดิน การพูด การนั่ง  ภาษาอังกฤษทุกอย่าง

เวทีนี้ไม่มีเส้น

              หนูมากับแม่ 2 คน (หัวเราะ) บางคนก็บอกว่า น้องวิวได้เพราะเส้นหรือป่าว หนูบอกเลยว่า หนูได้เพราะตัวหนูเอง หนูไม่ใช่เด็กฝาก หนูไม่รู้จักใครเลยที่ช่อง 3  เราแค่บอกว่าเราเป็นนักกีฬาเทควันโด เรามีความสามารถพิเศษที่ไม่เหมือนใครเท่านั้นเอง ตรงนี้ทำให้เราเข้ารอบไป บางคนก็บอกว่า ล็อค แต่วิวเห็นตั้งแต่ปีพี่ส้มมา วิว พี่จูลี่ บางคนเขามาประกวดเหมือนเขามากับแม่ บางคนมากับพี่เลี้ยงบ้าง แต่เขาไม่ได้มีเส้นมีสายที่จะมาฝากที่ช่องได้ซักคน ตอนประกาศ ทุกคนก็งงเหมือนวิวอ่ะ เหมือนตกใจ ไม่คิดว่า ฉันจะได้  แต่เราต้องมีอะไรที่เหมาะกับเวทีด้วย  เพราะเวทีเราเอาทั้งหน้าตาและความสามารถ แต่ละเวทีต่างกัน อย่างพี่จูลี่ เขาก็บอกว่า พี่ก็ไม่คิดว่าพี่จะได้ พอประกาศออกมาเป็นชื่อพี่ ก็ตกใจนะ แล้วสังเกตได้ว่า นามสกุลของแต่ละคนไม่ใช่ว่าจะมีชื่อเสียงหรือเส้นสายอะไรเลย คือเวทีนี้เปิดรับผู้หญิงทุกคนไม่ว่าจะฐานะอะไร ลองมาได้หมดค่ะ