นิโคลีน มิสไทยแลนด์เวิลด์2018 กับโครงการ Love for All ช่วยเหลือเด็กออทิสติก

Date:  12/10/2018   |   View:  2,934

 
     นิโคลีน พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ มิสไทยแลนด์เวิลด์2018 ได้พูดถึง โครงการ Love for All ผ่าน Facebook Nicolene Pichapa Limsnukan (https://www.facebook.com/nicolene.pb/  ) ว่า ....
 
     "I had seen the recent viral video of an autistic child being bullied, and this is what I have been thinking 
     นิโคลีนขอพูดถึงโครงการ Love for All ของนิโคลีนอีกครั้งนะคะ โครงการนี้มีที่มาจากประสบการณ์ตรงของครอบครัวนิโคลีนที่ทุกคนน่าจะทราบดีอยู่แล้วเรื่องน้องชายของนิโคลีน พวกเราผ่านการต่อสู้กับความกดดันและความท้าทายต่างๆมาแล้วหลายรูปแบบ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้ว่า คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจเด็กออทิสติก มองว่าพวกเขามีปัญหาทางสมอง สื่อสารไม่ได้ ช่วยเหลือตัวไม่ได้ บางครั้งก้าวร้าว และเป็นภาระของผู้อื่น...ซึ่งนี่คือที่มาของโครงการ Love for All
  
     Love for All เป็นภารกิจแห่งชีวิตที่นิโคลีนรู้สึกว่า นิโคลีน ต้องลุกขึ้นมาเป็นตัวแทนของเด็กๆที่แสนพิเศษทุกคนบนโลก ในการช่วยสะท้อนคุณค่า ความสามารถ และพรสวรรค์ที่ซ่อนเร้นของของพวกเขา ให้สังคมได้รับรู้ ทั้งนี้เพื่อช่วยเปิดโอกาสให้เด็กด้อยโอกาสทุกกลุ่ม รวมทั้งเด็กๆที่มีภาวะออทิสติก ให้ได้รับการยอมรับ ความรัก ความเข้าใจ และมีโอกาสพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียมกันต่อไป
 
     และในฐานะ Miss Thailand World นิโคลีนใช้ตำแหน่งนี้เป็น Spokesperson ให้กับเพื่อนมนุษย์ทุกคนที่มีภาวะออทิสติก ในการสร้างความตระหนักรู้ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยและสังคมโลก
 
     ภาวะออทิสซึ่ม ถือเป็นโรคทางจิตเวชที่มีความผิดปกติด้านพัฒนาการทางสมองที่ล่าช้า 3 ด้านคือ ด้านสังคม การพูดหรือด้านภาษา และพฤติกรรม ประเทศไทยพบอัตราป่วยโรคออทิสติกได้ 6 คนในประชากรทุกๆ 1,000 คน คาดว่าทั่วประเทศจะมีเด็กป่วยเป็นโรคนี้ประมาณ 300,000 คน ในจำนวนนี้ยังเข้าถึงบริการและสวัสดิการน้อยมาก ประมาณร้อยละ 10 หรือปีละเพียง 30,000 กว่าคนเท่านั้น
 
     หากพวกเขาได้รับโอกาสในการพัฒนาศักยภาพอย่างเข้าใจและเหมาะสม ด้วยความรักความเข้าใจ นิโคลีน เชื่อว่าบุคคลที่มีภาวะออทิสซึ่ม สามารถพัฒนาทักษะต่างๆ เพื่อต่อยอดไปสู่การมีอาชีพและรายได้ สามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน ดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณค่า และมีความสุขเฉกเช่นพลเมืองโลกที่มีศักยภาพคนหนึ่ง
 
     ซึ่งตอนนี้งานที่นิโคลีนกำลังทำร่วมกับ มูลนิธิ ออทิสติกไทย คือ
     การทำงานผ่านทางสื่อต่างๆ ในการเป็นกระบอกเสียง สร้างความตระหนักรับรู้ศักยภาพของเด็กออทิสติกในวงกว้าง กระตุ้นให้คนในสังคมเข้าใจภาวะนี้อย่างแท้จริง สร้างเสริมพลังความสามารถ และความเชื่อมั่นในศักยภาพของบุคคลออทิสติก (Empowerment) ให้ขยายไปสู่วงกว้างมากขึ้น รวมทั้งเวทีการประกวด Miss World ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
 
     นำเสนอผลงานของเด็กออทิสติกออกสู่สังคมโลก ทั้งในประเทศ และสู่ต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้ทางกองมิสไทยแลนด์เวิลด์กำลังร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานชุดราตรีดีไซเนอร์ ที่จะเอาไปใช้ร่วมประกวดในเวทีมิสเวิลด์ โดยเป็นผลงานที่ร่วมกันทำระหว่าง ทีมดีไซเนอร์และน้องๆจากมูลนิธิออทิสติกไทย ทั้งนี้เพื่อนำเสนอศักยภาพของน้องๆ ออทิสติก ให้คนทั่วโลกรับรู้ และยอมรับความสามารถ พลังสร้างสรรค์ของพวกเขาได้มากขึ้น
 
     และในวันที่ 18 ต.ค.นี้ นิโคลีนจะมีโอกาสได้ไปพูดกับกลุ่มนักธุรกิจจากองค์การต่างๆ ที่ มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย ในเรื่องนี้ เพื่อขอความร่วมมือในการสนับสนุน และให้โอกาสน้องๆ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ผ่านการส่งเสริมอาชีพ และเปิดโอกาสให้คนพิการสามารถทำงานร่วมกับคนทั่วไปอย่างเท่าเทียมเพื่อสร้างรายได้ ในการเลี้ยงดู ตัวเองและครอบครัว
 
     โครงการ Love for All อยากเชิญชวนให้ทุกคนทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยเหลือและให้การสนับสนุนเด็กออทิสติกและเด็กด้อยโอกาสให้ได้รับโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในฐานะเด็กที่เป็นอนาคตของโลกโดยเริ่มต้นที่ครอบครัว นิโคลีนจะเชิญชวนให้ พ่อแม่ ผู้ปกครองที่มีลูกมีภาวะออทิสซึ่ม นำน้องๆมาลงทะเบียน เพื่อสร้างเครือข่ายเกื้อหนุนกันและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้กันและกัน รวมทั้งเพื่อรับสิทธิ์และโอกาสในการเข้าถึงบริการต่างๆ โดยสามารถติดต่อได้ที่ มูลนิธิออทิสติกไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่เชี่ยวชาญด้านเด็กพิเศษ
 
     ในอนาคต นิโคลีนอยากให้มีการช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ การอยู่ร่วมกันในสังคมหรือการเรียนในโรงเรียน คงต้องนำ ประเด็น ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน มาใช้อย่างจริงจัง ทุกโรงเรียน ควรมีโปรแกรมปฐมนิเทศ ให้ความรู้ทุกคนในโรงเรียน ว่า เรามีเพื่อนๆหรือน้องๆเด็กพิเศษ มาเรียนรวมกัน. ควรดูแล ช่วยเหลือกันอย่างใด เวลามีปัญหาใดเกิดขึ้น จะต้องดำเนินการอย่างไร ที่จะ “ปกป้อดงคุ้มครองสิทธิเด็กทั้ง 2กลุ่ม” รวมถึงมีกิจกรรมสัมพันธ์ร่วมกัน ในโรงเรียนแกนนำจัดการเรียนร่วมหลายแห่งซึ่งทำได้ดี การจัดระบบเพื่อนช่วยเพื่อน ระบบครูผู้ช่วย ทีมครูแนะแนว หรือทีมครูจิตวิทยา ควรได้รับความสำคัญในระดับนโยบาย "